ค่าเงินหยวนอ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี หลังปริมาณเงินไหลออกจากจีนเดือนสิงหาคมทำสถิติสูงสุดใหม่

ภาพจาก Shutterstock
ค่าเงินหยวนได้ทำสถิติอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี หลังจากที่จีนได้รายงงานปริมาณเม็ดเงินไหลออกนอกประเทศจีนทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 8 ปี ขณะเดียวกันนักเศรษฐศาสตร์มองว่าค่าเงินของจีนอาจมีสิทธิ์อ่อนค่าต่อ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกับภายนอก

ปริมาณเม็ดเงินในเดือนสิงหาคมไหลออกจากจีนมากถึง 49,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1.75 ล้านล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2015 เป็นต้นมา ซึ่งปกติแล้วปริมาณเม็ดเงินส่วนใหญ่จะไหลเข้าสุทธิมากกว่าไหลออก

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังรัฐบาลจีนได้รายงานตัวเลขดังกล่าว ค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่ราวๆ 7.296 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว ซึ่งถือเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 16 ปี

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากจีนคือ ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน หลังจากจีนประสบปัญหาเศรษฐกิจฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด ขณะเดียวกันจีนยังประสบปัญหาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการต่างๆ แล้วก็ตาม

อีกสาเหตุหนึ่งคือเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ทำให้ธุรกิจหลายแห่งมีการย้ายกำลังการผลิตออกนอกประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่พึ่งพากำลังการผลิตในประเทศจีนมากจนเกินไป หรือแม้แต่ป้องกันปัญหา Supply Chain หยุดชะงัก

นอกจากนี้ยังรวมถึงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในประเทศจีนที่ต่ำกว่าสหรัฐอเมริกา ยิ่งเป็นแรงกดดันทำให้เม็ดเงินยิ่งไหลออกจากประเทศจีนมากขึ้น

เงินหยวนของจีนนั้นมีเหตุการณ์อ่อนค่าสำคัญๆ คือในปี 2015 และในช่วงที่จีนมีสงครามการค้า ซึ่งค่าเงินหยวนที่อ่อนค่านั้นทำให้รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวหาว่าจีนได้ควบคุมค่าเงินเพื่อที่จะทำให้สินค้าของจีนมีราคาถูกและได้เปรียบสินค้าจากคู่แข่งที่มาจากประเทศอื่น

Gary Ng นักเศรษฐศาสตร์จาก Natixis ได้กล่าวกับสำนักข่าว Bloomberg ว่า เขากังวลว่าเงินหยวนจะยังอ่อนค่าต่อ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกับภายนอก ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนไม่มีแรงจูงใจให้นักลงทุนเพียงพอที่จะทำให้เม็ดเงินไหลเข้ากลับประเทศอีกครั้ง

ที่มา – Bloomberg, Reuters, Asia Financial