Holiday Pastry แจ้งเกิดเป็นร้านขนมออนไลน์เมื่อปี 2020 และได้เปิดหน้าร้านย่านเจริญนคร ได้วางจุดยืนเป็น All Day Dining ขึ้นแท่นเป็นร้านอาหารสุดฮอตแห่งย่านไปเลยทีเดียว ร้านนี้บริหารโดย 2 หนุ่ม “ไท้ – วสุวัส คูหาเปรมกิจ” และ “อิน – สาริน รณเกียรติ”
ถึงวันนี้ Holiday Pastry ได้เดินทางมา 3 ปีแล้ว พร้อมแผนธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น กับการเป็น Creative Dining Destination แห่งแรก และแห่งเดียวในไทย เตรียมขยายพื้นที่ร้านสาขาแรก Holiday Pastry ที่โครงการ Ours เจริญนคร เป็นแฟลกชิปสโตร์ขนาดใหญ่กว่าเดิม 3 เท่า มีพื้นที่รวม 400 ตารางเมตร และขยายอีก 2 สาขาใหม่เข้าศูนย์การค้าใจกลางกรุง ประเดิมด้วย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตามด้วยโครงการ ดิเอ็มสเฟียร์ ปลายปี 66
พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ 100 ล้านบาท!
วสุวัส คูหาเปรมกิจ Co-Founder และ Brand Director บริษัท เดอะ ฮอลิเดย์ จำกัด เล่าว่า
Holiday Pastry สร้างชื่อจากร้านขนมออนไลน์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน จากการเล็งเห็นช่องว่างของตลาดร้านขนม ในประเทศไทยที่ยังมีผู้เล่นหลักๆ ไม่กี่ราย และยังขาดความหลากหลาย เมื่อเทียบกับนิวยอร์ก ลอนดอน โซล และซิดนีย์ ที่สำคัญ ร้านขนม ที่มีส่วนใหญ่ยังเป็นร้าน Specialty ที่เน้นขายเฉพาะขนมอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงมีไอเดียว่า อยากปั้นแบรนด์ ร้านขนมที่เป็น The One and Only นำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย
“เราเริ่มต้นจากการเปิดร้านออนไลน์ เน้นขายผ่านเดลิเวอรี เพราะเปิดตัวในช่วงโควิด-19 พอดี แต่เรามีแผนธุรกิจ 5 ปี (2020-2025) ชัดเจน ตั้งแต่การเริ่มสร้างการรับรู้ สร้างแบรนด์ให้ชัดเจน เปิดแฟลกชิปสโตร์ เพิ่มความหลากหลายของเมนูอาหารให้เป็น All Day Dining ขยายไปสู่บริการสั่งเค้กวันเกิด ขนมไหว้พระจันทร์ และ Catering”
สำหรับแผนในปี 2024 จะมีการขยายสาขา และปี 2025 กับการก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายธุรกิจ Food Retail พร้อมแตกแบรนด์ลูก และธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม
ทางด้าน สาริน รณเกียรติ Co-Founder และ Creative Director บริษัท เดอะ ฮอลิเดย์ จำกัด กล่าวเสริมว่า
สิ่งที่เราใส่ใจเป็นพิเศษคือ การมอบประสบการณ์แบบ Full Experience ให้กับลูกค้า เริ่มตั้งแต่จุดเล็กๆ ตั้งแต่การรังสรรค์เมนูขนม และอาหาร ไปจนถึงการตกแต่งร้าน จาน ชาม ชุดพนักงานล้วนผ่านการออกแบบอย่างดี เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุด โดยเมื่อลูกค้าเปิดประตูเข้ามาในร้าน จะได้กลิ่นหอมที่เราคราฟต์ขึ้นมาเฉพาะ เสียงเพลงที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย เข้ากับบรรยากาศร้านที่ดีไซน์ให้กลิ่นอายของช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ใช้โทนสีเหลืองสะท้อนช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก
โดยที่แฟลกชิปสโตร์ ที่กำลังจะขยายในปลายปีนี้ มีคอนเซปต์ที่วางไว้คือ เป็นการจำลองบรรยากาศ Hotel Lobby ในมหานครนิวยอร์ก ยุค Art Deco ที่มีการเล่นกับสีสันสะดุดตาราวกับหลุดไปอยู่ในหนังของผู้กำกับชื่อดัง Wed Anderson ภายในประกอบด้วยโซน Immersive Experince ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้เดินทางวาร์ปจากสถานที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ก่อนจะเข้าสู่โซน
ส่วนเมนูอาหารมีการปรับจาก Brunch มาเป็น Dinner มีการปรับเพิ่มจากเมนูเดิมที่มีอยู่ 40 เมนู เป็น 100 เมนู โดยตั้งใจว่าในแต่ละสาขาจะยังคงเมนูยอดฮิตและซิกเนเจอร์ไว้
ปัจจุบันลูกค้าหลักของ Holiday Pastry เป็นคนไทย 60% ชาวต่างชาติ 40% โดยฐานลูกค้าหลักที่มองไว้ คือ กลุ่มครอบครัว และนักท่องเที่ยว แผนธุรกิจอีก 3 ปีข้างหน้าที่วางไว้ คือ อยากให้ Holiday Pastry เป็นมากกว่าแบรนด์ร้านอาหารและขนม แต่เป็น Food Retail ที่พร้อมต่อยอดธุรกิจในกลุ่มอาหารและขนมไปสู่การแตกแบรนด์ใหม่ พร้อมนำเข้าแบรนด์อาหาร หรือขนมจากต่างประเทศมาเปิดในไทย ไปจนถึงการแตกไลน์สินค้าภายใต้ Holiday Pastry โดยคาดว่า ปี 2566 จะทำยอดขายแตะ 100 ล้านบาท และตั้งเป้าว่า ธุรกิจจะเติบโต 300% ภายใน 3 ปี และในอนาคตสามารถเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจอาหาร และขนม