นับตั้งแต่การระบาดของ COVID-19 ที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้น ตลาดเซ็กซ์ทอย (Sex Toy) ให้เติบโต เนื่องจากผู้คนต้องอยู่แต่บ้านและไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมกับคนจริง ๆ ได้ และในปัจจุบันคนก็มองเรื่องเซ็กซ์ทอยเป็นเรื่องปกติ
จากการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา PwC มีการประเมินว่าในปี 2021 ตลาดเซ็กซ์ทอย ทั่วโลกรวมไปถึง ผลิตภัณฑ์สุขภาวะทางเพศ (Sexual Wellness) เช่น ถุงยางอนามัย, เจลหล่อลื่น มีมูลค่าประมาณ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 655,000 ล้านบาท) และมีการประเมินว่าภายในปี 2026 จะมีมูลค่าถึง 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 954,000 ล้านบาท) มีการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี
ที่น่าสนใจคือ ตลาดเซ็กซ์ทอยเริ่มได้รับความสนใจจาก ผู้หญิง มากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากสินค้าได้ถูกออกแบบมาประณีตและตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ถูกคิดมาอย่างดี ทำให้ ไม่สะดุดตา มากไป และมีการใช้ สีพาสเทล เพื่อให้เป็นมิตรกับผู้หญิงมากขึ้น
นอกจากนี้ สื่อ ก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยกระตุ้นตลาด อาทิ ซีรีส์ยอดนิยมอย่าง “Sex and the City” หรือภาพยนตร์อย่าง “Fifty Shades of Grey” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ดัดแปลงจากนิยายอีโรติกที่ขายดีที่สุด ก็ช่วยให้คนเปิดใจกับเซ็กซ์ทอยมากขึ้น ที่น่าสนใจคือ เหล่าบรรดาคนดังก็เริ่มออกมาขายเซ็กซ์ทอยแบรนด์ตัวเองมากขึ้น
โดยดาราฮอลลีวูดชื่อดังอย่าง กวินเน็ธ พัลโทรว์ ก็ขึ้นแท่นเป็นผู้บุกเบิกเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาวะทางเพศ โดยมีสินค้าที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่าง เทียนหอมกลิ่นน้องสาวของตัวเอง (This Smells Like My Vagina Candle) นอกจากนี้เธอยังขายเซ็กซ์ทอยอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย หรือ นักร้องสาวชาวอังกฤษอย่าง ลิลี่ อัลเลน ก็ออกเซ็กซ์ทอยมาขายด้วยเช่นกัน
“เราเห็นยอดขายเซ็กส์ทอยของคนโสดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงคู่รักที่เริ่มใช้เซ็กซ์ทอยเพื่อเพิ่มประสบการณ์ใหม่ ๆ และมันก็ถูกทำให้เป็นมาตรฐานมากขึ้น”
ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกา ถือเป็นผู้นำตลาดโลก โดยมีมูลค่าตลาดถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 154,000 ล้านบาท) และจากผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศสมีเซ็กซ์ทอยเฉลี่ยเกือบคนละ 4 ชิ้น