“วัน แบงค็อก” เคาะเปิด “ออฟฟิศ” อาคารแรกกลางปี 2567 พร้อมโชว์ศักยภาพ “สมาร์ท ซิตี้” ระดับโลก

วัน แบงค็อก
  • เลื่อนไทม์ไลน์เล็กน้อยสำหรับ “วัน แบงค็อก” (One Bangkok) อภิมหาโปรเจ็กต์ 1.2 แสนล้านบาท เตรียมเปิด “ออฟฟิศ” Tower 4 ฝั่งถนนวิทยุเป็นอาคารแรกช่วงกลางปี 2567 และจะทยอยเปิดจนครบ 70% ของโครงการภายในสิ้นปีหน้า
  • โชว์ศักยภาพความเป็น “สมาร์ท ซิตี้” มาตรฐานโลก โครงสร้างพื้นฐานวางระบบที่ช่วยประหยัดน้ำ ประหยัดไฟฟ้า สร้างคุณภาพชีวิต และใช้ศูนย์บัญชาการกลาง ดูแลทั่วถึงครอบคลุมทั้ง 108 ไร่

หนึ่งในโครงการที่คนไทยจับตามองว่าจะได้เผยโฉมของจริงเมื่อไหร่ วันนี้ใกล้ถึงจุดหมายแล้วสำหรับ “วัน แบงค็อก” โปรเจ็กต์ยักษ์ในมือตระกูลสิริวัฒนภักดี บนพื้นที่ 108 ไร่หัวมุมถนนวิทยุตัดถนนพระราม 4 ตรงข้ามสวนลุมพินี มูลค่ารวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท

“อุรเสฏฐ์ นาวานุเคราะห์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก เปิดเผยไทม์ไลน์การเปิดตัวโครงการว่า เฟสแรก จะเปิดให้บริการอาคารสำนักงาน Tower 4 ซึ่งเป็นออฟฟิศที่อยู่ฝั่งถนนวิทยุก่อนเป็นตึกแรก โดยคาดว่าจะเปิดได้ในช่วงกลางปี 2567

จากนั้นโครงการจะทยอยเปิดใช้อาคารจนครบ 70% ของโครงการภายในสิ้นปี 2567 เมื่อถึงเวลานั้นจะมีองค์ประกอบครบในโครงการ ทั้งส่วนออฟฟิศ โรงแรม เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ รีเทล และที่พักอาศัย

วัน แบงค็อก
Tower 4 อาคารแรกที่จะสร้างเสร็จใน “วัน แบงค็อก”

ขณะที่ไทม์ไลน์การก่อสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ทั้งโครงการจะเป็นเมื่อไหร่ อุรเสฏฐ์กล่าวว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณา

ภายในโครงการวัน แบงค็อกนั้นตามผังมาสเตอร์แพลน จะประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก คือ

1.อาคารสำนักงาน 5 อาคาร

2.โรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ 5 อาคาร

3.รีเทลและอาคารเอนกประสงค์ 4 โซน พื้นที่รวม 190,000 ตร.ม.

4.ที่พักอาศัย 3 อาคาร

ไทม์ไลน์เดิมที่เคยประกาศไว้ของวัน แบงค็อก มุ่งเป้าเปิดเฟสแรกในช่วงปลายปี 2566 แต่ต้องขยับกำหนดการออกไป รวมถึงเป้าเดิมคาดว่าจะสร้างเสร็จทั้งโครงการปี 2569 ก็อาจจะขยับออกไปด้วยเช่นกัน โดยอาคารในโครงการที่ถือเป็นไฮไลต์ที่ทุกคนรอคอยและน่าจะสร้างเสร็จเป็นอาคารสุดท้ายก็คือ “Signature Tower” เพราะเมื่อสร้างเสร็จจะกลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูง 437 เมตร หรือมากกว่า 90 ชั้น

 

โชว์มาตรฐาน “สมาร์ท ซิตี้” ระดับโลก

เมื่อวัน แบงค็อกสร้างเสร็จสมบูรณ์ อุรเสฏฐ์คาดว่าโครงการนี้จะรองรับคนเข้ามาในพื้นที่ถึงวันละ 200,000 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มลูกบ้านในตึกพักอาศัยและพนักงานประจำในออฟฟิศประมาณ 60,000 คน ส่วนที่เหลืออีก 140,000 คนจะเป็นกลุ่มผู้สัญจรเข้ามาชั่วคราว เช่น ลูกค้าโรงแรม ผู้มาใช้บริการส่วนรีเทล ผู้มาติดต่อ

การบริหารอาคารที่มีพื้นที่รวมกว่า 1.9 ล้านตารางเมตร และคนที่จะเข้าออกวันละ 200,000 คน ย่อมต้องมีการจัดการที่ดีตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน และการบริหารหลังสร้างเสร็จ

Linear Park บริเวณด้านหน้าโครงการ อาคารจะเว้นระยะถอยร่นจากถนน 35-45 เมตร เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวสาธารณะเป็นแนวยาว

สำหรับส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยอนุรักษ์พลังงานและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนในโครงการ วัน แบงค็อก ตั้งเป้าที่จะได้รับมาตรฐาน 2 รายการ คือ มาตรฐาน “LEED” for Neighborhood Development ระดับ Platinum และ มาตรฐานรับรองอาคาร “WELL” ในระดับ Platinum

ในแง่ของการบริหารโครงการ อุรเสฏฐ์ระบุว่า วัน แบงค็อก เป็นโครงการแรกในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน “WiredScore” ระดับ Platinum มาตรฐานนี้จะให้กับโครงการที่บริหารในลักษณะ “สมาร์ท ซิตี้” เชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

ระบบอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมในวัน แบงค็อก

โครงสร้างพื้นฐานเพื่อการบริหารโครงการให้เป็นสมาร์ท ซิตี้ที่วัน แบงค็อกเตรียมไว้ เช่น

  • ใช้ระบบ Central Utility Plant (CUP) สาธารณูปโภค เช่น การจ่ายไฟฟ้า การบำบัดน้ำ ระบบปรับอากาศ จะรวมศูนย์ส่วนกลางและกระจายออกสู่อาคารต่างๆ
  • ติดตั้งกล้องวงจรปิด 5,000 จุดในโครงการ
  • ติดตั้งระบบ Smart Sensor กว่า 250,000 ตัว เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ส่วนกลาง และวัดทราฟฟิกการใช้งานพื้นที่ของคนในโครงการ
  • ใช้เสาแบบ Smart Pole เป็นเสาไฟฟ้าแสงสว่างและกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในเสาเดียว
  • ระบบ Traffic Control ตรวจสอบและรายงานสภาพการจราจรในโครงการ
  • ทั้งหมดจะบริหารโดย District Command Center ศูนย์บัญชาการส่วนกลาง ใช้ทั้งมนุษย์และ AI ในการดูแลให้ระบบเป็นไปอย่างราบรื่น และตรวจสอบความผิดปกติ
วัน แบงค็อก
District Command Center ศูนย์บัญชาการส่วนกลาง

การขอมาตรฐานรับรองทั้งหมดนี้ อุรเสฏฐ์มองว่ามีผลตอบโจทย์ธุรกิจโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มอาคารสำนักงานนั้นลูกค้าที่กำลังมองหาพื้นที่เช่าออฟฟิศ มักจะมองการรับรองมาตรฐานต่างๆ เป็นส่วนสำคัญก่อนตัดสินใจเช่า เพราะส่งผลกับคุณภาพชีวิตของพนักงาน และในบางกรณี บริษัทบางสัญชาติจะได้รับ ‘Tax Benefit’ ผลประโยชน์ทางภาษีในประเทศต้นทางของบริษัทด้วยหากออฟฟิศช่วยอนุรักษ์พลังงาน