ภารกิจสร้างแบรนด์ “เฟรเซอร์ส” สู่อสังหาฯ Top 5 ถอดป้ายชื่อ “เจ้าสัวเจริญ” ขอยืนหยัดด้วยตนเอง

เฟรเซอร์ส
“เฟรเซอร์ส” ยังอยู่ในอาณาจักรของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี แต่ถ้าไม่ถอดป้ายชื่อนี้ออก ชื่อแบรนด์องค์กรจะไม่ถูกจดจำ ทั้งที่เป็นบริษัทที่พัฒนาอสังหาฯ ครอบคลุมหลายธุรกิจ มีมูลค่าสินทรัพย์ทะลุ 1 แสนล้านบาท แต่แบรนด์เฟรเซอร์สกลับยังไม่ติด 10 อันดับแรกที่คนนึกถึง ทำให้ภารกิจสร้างแบรนด์กลายเป็นโจทย์สำคัญเพื่อพาองค์กรไปให้ถึง Top 5 ในใจผู้บริโภคให้ได้

เท้าความประวัติของ “บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)” เป็นบริษัทลูกของ Frasers Property Limited ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในประเทศสิงคโปร์ บริษัทแม่ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ลงทุนทั่วโลก 20 ประเทศ คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 1 ล้านล้านบาท

ในช่วงที่จะสยายปีกเข้าเมืองไทย ใช้วิธีเข้าซื้อ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น เมื่อปี 2562 และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ก่อนจะผนวกรวม บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เข้ามาในปี 2563 พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นบริษัทเดียว

นับแต่นั้น “เฟรเซอร์ส” ของประเทศไทยจึงมีธุรกิจครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์หลากรูปแบบ ตั้งแต่โครงการที่อยู่อาศัย, พื้นที่เชิงอุตสาหกรรม และพื้นที่เชิงพาณิชย์ จนถึงปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์สะสม 1 แสนล้านบาท

เฟรเซอร์ส
พอร์ตโฟลิโอครบ 3 กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้าของบริษัทตัวจริงผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทแม่ Frasers Property Limited ก็คือ กลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดี ทำให้เฟรเซอร์สในไทยถูกเรียกขานว่าเป็น “อสังหาฯ เจ้าสัวเจริญ” เช่นเดียวกับบริษัทอสังหาฯ อื่นที่อยู่ร่วมอาณาจักร เช่น บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) หรือ TCC Assets

ถือเป็น ‘pain point’ สำคัญของเฟรเซอร์ส เพราะแต่ละบริษัทใต้ร่มเงาเจ้าสัวเจริญก็มีจุดแข็งและธุรกิจที่มุ่งเน้นต่างกัน วัฒนธรรมองค์กรต่างกัน และต่างต้องการสร้างชื่อเสียงให้บริษัทเป็นที่จดจำ

 

ภารกิจสร้างชื่อให้องค์กรสู่ระดับ Top 5

“ธนพล ศิริธนชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลสำรวจล่าสุดชื่อของบริษัท “เฟรเซอร์ส” ยังไม่อยู่ในกลุ่ม Top 10 บริษัทอสังหาฯ ที่คนจดจำได้ (Top of Mind) เพราะชื่อองค์กรยังไม่เป็นที่รู้จัก

“เป็นความท้าทายของเรามาก เพราะเรามีหลายอย่างอยู่ในมือ ดังนั้น เราจะสื่อสารออกไปอย่างไรว่าเรามีธุรกิจทั้ง 3 ประเภท” ธนพลกล่าว

“ธนพล ศิริธนชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)

วันนี้การจดจำของผู้บริโภคมักจะแยกเป็นแต่ละธุรกิจมากกว่า เช่น กลุ่มผู้ซื้อบ้านจะจดจำแบรนด์โกลเด้นทาวน์ได้ กลุ่มคนทำงานในเมืองจะรู้จักสามย่านมิตรทาวน์ ขณะที่นักลงทุนจะรู้จักธุรกิจประเภทคลังสินค้า

“แต่ถ้าเป็นชื่อเฟรเซอร์ส ตอนนี้คนทั่วไปยังไม่รู้จักเราเลย บางคนอาจจะยังมีภาพจำเราเป็นบริษัททำน้ำอัดลมด้วย เพราะติดมาจากชื่อ Frasers & Neave” ธนพลกล่าว

เฟรเซอร์ส
“สามย่านมิตรทาวน์” โครงการรีเทล-ออฟฟิศ ที่คนทั่วไปที่ทำงานในเมืองรู้จัก

การสร้างชื่อองค์กรให้เป็นที่รู้จักนั้นสำคัญกับองค์กรเพราะ ‘Corporate Brand’ ที่แข็งแรงจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทในสายตาคนทั่วไป และสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในองค์กรเองว่าได้ทำงานให้กับบริษัทที่เป็นที่รู้จักในทางบวก

ตั้งแต่ปี 2566 นี้เฟรเซอร์สจึงมีเป้าหมายที่จะสร้างชื่อเสียงองค์กรให้เป็นที่จดจำ โดยตั้งเป้าที่ ‘ท้าทาย’ เพราะจะขึ้นสู่ Top 5 แบรนด์ในใจผู้บริโภคให้ได้ภายในเวลาเพียง 3 ปี รวมถึงมีชื่อติดอยู่ในทำเนียบ Employer’s Branding เพื่อดึงทาเลนต์ที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงาน

เฟรเซอร์ส
โครงการเดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 ตัวอย่างอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยในเครือเฟรเซอร์ส

 

‘developed by Frasers’ จะอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ธนพลกล่าวถึงโร้ดแมปการสร้างแบรนด์ “เฟส 1” ปีนี้เริ่มลงทุน 20 ล้านบาททำแคมเปญสร้าง Corporate Brand ลงโฆษณาทุกช่องทางเพื่อสร้างการจดจำ ภายใต้แท็กไลน์ของบริษัท “Inspiring experiences, creating places for good”

รวมถึงจะมีโครงการที่เป็นแฟลกชิปสร้างการจดจำองค์กร จากการพัฒนา “เมืองอุตสาหกรรม” 4,600 ไร่บนถนนบางนา-ตราด จ.สมุทรปราการ ซึ่งเฟสแรกของโครงการน่าจะเปิดตัวภายในปีนี้

คลังสินค้าในเครือเฟรเซอร์ส

ส่วน “เฟส 2” ตั้งแต่ปีหน้า แต่ละหน่วยธุรกิจจะเริ่มมีการประชาสัมพันธ์โครงการว่าโครงการนั้นๆ ‘developed by Frasers’ มีเฟรเซอร์สเป็นบริษัทแม่ผู้พัฒนา เพื่อให้ลูกค้าของแต่ละธุรกิจจดจำได้และเชื่อมโยงไปสู่การทำความรู้จักธุรกิจอื่นๆ ที่เฟรเซอร์สมีในมือ

ลึกลงไปกว่านั้นคือการรู้จักตัวตนของเฟรเซอร์ส ซึ่งธนพลวาง ‘core value’ องค์กรแบ่งออกเป็น 3P ได้แก่

  1. People– บริษัทจะมุ่งดูแลพนักงานซึ่งเป็นหัวใจหลักขององค์กร โดยเน้นเรื่องความสุขในการทำงาน การทำงานแบบยืดหยุ่น และสวัสดิการที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม (Inclusivity) เช่น โควตาลางาน 3 วันต่อปี ในวันสำคัญที่สามารถเลือกจุดประสงค์เองได้ ไม่ว่าจะลาเพื่อจัดงานแต่งงานของคนทุกเพศ ลาในช่วงวันเกิด ลาวันสำคัญของลูก ลาวันรับปริญญา ลาเพื่อดูแลสมาชิกในครอบครัวที่เจ็บป่วย ฯลฯ รวมถึงเน้นเรื่องความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรของพนักงานทุกคน
  2. Planet– ดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นและคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล หรือ ESG โดยมีเป้าหมายระยะยาวคือเป็นองค์กร Net-Zero ภายในปี 2050 ส่วนในระยะสั้น 3 ปีจะมีเป้าหมายให้แต่ละหน่วยธุรกิจ เช่น อาคารสำนักงานต้องเป็นอาคารเขียว
  3. Purpose– กระตุ้นให้แต่ละหน่วยธุรกิจดำเนินการด้วยจุดมุ่งหมายที่มากกว่าแค่เพียงขายสินค้า แต่มีคุณค่ากับสังคม

โดยสรุปแล้ว จุดแข็งของเฟรเซอร์สวันนี้คือ ภายในองค์กรมีความมั่นคงสูง และการมีความรู้ความเชี่ยวชาญจากบริษัทแม่ที่มีเครือข่ายระดับสากล แต่จากนี้จะต้องเปลี่ยนจุดอ่อนเป็นจุดแข็งอีกข้อหนึ่งคือ การทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในไทยให้ได้