GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 3 โตถึง 4.9% ขยายตัวมากสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 เป็นต้นมา

ภาพจาก Pexels
เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกานั้นในไตรมาส 3 ของปี 2023 เติบโตได้ถึง 4.9% ซึ่งได้ปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการบริโภคที่ยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการลงทุนของภาคธุรกิจที่สูง อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้นี้

สํานักวิเคราะห์เศรษฐกิจ (BEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นประมาณการครั้งที่ 1 โดย GDP ของสหรัฐฯ เติบโตจากไตรมาส 2 ถึง 4.9% และดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 4.3%

กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวในไตรมาสที่แล้วในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และเติบโตมากกว่า 2 เท่าของตัวเลขในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่ง BEA ได้ปรับตัวเลข GDP ของไตรมาส 2 ลงมาเหลือเติบโต 2.1%

นอกจากนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ผ่านมายังถือเป็นการเพิ่มขึ้นของ GDP ที่มากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 แต่ถ้าหากนับตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 เทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมาแล้วนั้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต 2.9%

ไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเติบโตโดยได้ปัจจัยหลักคือ การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เติบโตมากถึง 4% ต่อปี ตามมาด้วย สินค้าคงคลัง การส่งออก การลงทุนด้านที่อยู่อาศัย และการใช้จ่ายภาครัฐ

บทวิเคราะห์ของ ING มองว่าภาคบริการได้มีส่วนช่วยเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตของนักร้องชื่อดังทั้ง Beyonce หรือแม้แต่ Taylor Swift และยังรวมถึงการเข้าฉายของภาพยนตร์อย่าง Barbie เองก็มีส่วนช่วยในการเติบโตทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดีในบทวิเคราะห์ของ ING มองว่าตัวเลขการเติบโตในไตรมาส 3 ที่สวยงามนี้เราจะไม่ได้เห็นอีกต่อไปในไตรมาส 4 เนื่องจากผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมหรือแม้แต่อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อหรือบัตรเครดิตที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลดังกล่าวจะส่งต่อไปยังในปี 2024 นี้ด้วย

ในขณะที่บทวิเคราะห์จาก Bank Of America มองว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ไตรมาส 3 อาจไม่ได้ปิดโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังสูง และเงินเฟ้อยังไม่ลดลงมาเข้าสู่เป้าหมาย อย่างไรก็ดีตัวเลข GDP ดังกล่าวก็ไม่ได้เร่งให้ Fed ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยมากนัก แต่ Fed เองอาจจับตามองดูตัวเลขต่างๆ ไปก่อน