นับตั้งแต่ปี 2560 การลงทุนของเหล่า Venture Capital หรือ VC ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีการประเมินว่าในปีหน้า เหล่า VC จะมีการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตามรายงานของ Google, Temasek และ Bain & Company พบว่า เนื่องจากกระแสระดับโลก เช่น อัตราเงินเฟ้อและต้นทุนเงินทุนที่สูง ได้ส่งผลให้การใช้เงินทุนภาคเอกชนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี และจากข้อมูลของ KPMG ระบุว่า การร่วมทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลดลงเหลือ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่สามของปี 2566 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2560 ขณะที่ในไตรมาสสองของปี 2566 การลงทุนของกลุ่ม VC ในภูมิภาคอยู่ที่ 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ปริมาณการลงทุนและข้อตกลงทั่วโลกก็แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปีเช่นกัน โดยการลงทุนของ VC ทั่วโลกในไตรมาสที่สามอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี 2559 ในขณะที่ปริมาณข้อตกลงอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี 2562
อย่างไรก็ตาม Jussi Salovaara ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ Antler มองว่า การระดมทุนของ VC จะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ขณะที่ Peng T. Ong ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ Monk’s Hill Ventures มองไปในทิศทางเดียวกันว่า ปีหน้าจะได้เห็นการลงทุนมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เราเชื่อว่าการลงทุนกำลังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากปัญหาอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ดังนั้น จึงต้องใช้เวลาสักหน่อยในการฟื้นตัว” Jussi Salovaara กล่าว
ดังนั้น หากปีหน้ามีการลงทุนจาก VC เพิ่มขึ้น แสดงว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีโอกาสเติบโตขั้นต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อดึงดูดเงินทุนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีจำเป็นต้องแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าพวกเขามีเส้นทางสู่การทำกำไรที่ชัดเจนและเป็นไปได้ เพราะที่ผ่านมานักลงทุนมีความรอบคอบมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเลือกการลงทุน
สำหรับเงินทุนพร้อมใช้ของกลุ่ม VC เพิ่มขึ้นจาก 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 เป็น 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปี 2565