Nike ประกาศปรับลดยอดขายคาดการณ์รอบปี 2023-24 หลังพบพฤติกรรมผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ รวมถึงบริษัทจะรัดเข็มขัดในช่วง 3 ปีข้างหน้า คุมค่าใช้จ่ายทั้งการผลิตสต็อกสินค้า พัฒนาซัพพลายเชน ลดลำดับชั้นในการบริหาร
ธุรกิจของ Nike ต้องเผชิญแรงกดดันในปีนี้ หลังจากห้างค้าปลีกทั้งหลายเริ่มสั่งคำสั่งซื้อสินค้าน้อยลง เพราะดีมานด์ลูกค้าที่ลดลง แม้แต่ในช่องทางออนไลน์เองก็มีคำสั่งซื้อลดลงเช่นกัน รวมถึงตลาดใหญ่อย่างจีนก็ทำยอดขายได้น้อยลงจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ไม่เป็นใจ ทำให้บริษัทต้องอัดโปรโมชันมากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย
“เราเห็นดัชนีที่ชี้ว่าผู้บริโภคทั่วโลกใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น” Matthew Friend ซีเอฟโอ Nike กล่าว
ล่าสุด Nike จึงปรับคาดการณ์รายได้รอบปีนี้ลง คาดจะเติบโตประมาณ 1% เท่านั้น แตกต่างจากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่เชื่อว่าจะโต ‘ซิงเกิลดิจิตในระดับกลางๆ’ ขณะที่นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า Nike จะโตได้ 3.8%
“Nike เริ่มพูดถึงการลดจำนวนสินค้าลง บางทีบริษัทอาจจะรู้สึกว่ามีสินค้าหลายตัวเกินไปที่ทำกำไรได้น้อย และไม่ได้ช่วยผลักดันให้มียอดขายสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ” David Swartz นักวิเคราะห์หุ้นอาวุโสที่ Morningstar กล่าว
แม้ว่าจะลดจำนวนสินค้า แต่ Nike ก็จะยังเปิดสินค้าสไตล์ใหม่ๆ เพื่อมาดึงฐานลูกค้าเพิ่มอีก เพราะเคยประสบความสำเร็จมาแล้วกับกลุ่มรองเท้าบาสเก็ตบอล เช่น รุ่น Lebron 21
“ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ที่ผู้บริโภคมีแรงกดดันทางเศรษฐกิจสูงและต้องแข่งกันด้านโปรโมชัน นวัตกรรมของสินค้าและอะไรที่ออกมาใหม่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ปัจจัยเหล่านี้ที่จะทำให้เราไปได้ในการแข่งขันอัดโปรโมชันบนมาร์เก็ตเพลส” Friend ซีเอฟโอบริษัทกล่าว
Nike ไม่ได้ระบุว่าจะตัดสินค้าตัวไหนออก บอกเพียงว่ามีสินค้ารุ่นไหนบ้างที่ยังขายดี เช่น สนีกเกอร์ Air Force 1, Dunk และ Court
- ดีกว่าทำลายทิ้ง! ‘Adidas’ เตรียมเข็นแบรนด์ ‘Yeezy’ มาขายใหม่ แต่จะนำเงินไป ‘บริจาค’
- Hasbro บริษัทของเล่นยักษ์เตรียม ‘ปลดพนักงาน’ เพิ่ม 900 ตำแหน่ง เหตุรายได้หด เพราะผู้บริโภคเน้นซื้อของจำเป็น
ด้านแผนการลดต้นทุนให้ได้ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 3 ปีข้างหน้า Nike จะลดการสต็อกสินค้าบางรุ่นลง พัฒนาซัพพลายเชนให้ดีขึ้น ลดลำดับชั้นในการบริหาร และเพิ่มการใช้ระบบออโตเมชัน
รอบปีบัญชีนี้ของ Nike เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 – พฤษภาคม 2024 โดยไตรมาสสองของรอบปีบัญชี ช่วงเดือนกันยายน–พฤศจิกายน 2023 นั้นบริษัททำรายได้ไป 13,390 ล้านเหรียญสหรัฐ ตกเป้าที่ตั้งไว้ 13,430 ล้านเหรียญสหรัฐไปเล็กน้อย