Amazon ปลดพนักงานในหลายธุรกิจทั้ง Twitch และ Prime Video รวมถึงธุรกิจภาพยนตร์อย่าง MGM

ภาพจาก Unsplash
Amazon ได้ปลดพนักงานในหลายธุรกิจไม่ว่าจะเป็น Twitch และ Prime Video รวมถึง MGM ธุรกิจภาพยนตร์ของบริษัท ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่าการปลดพนักงานนั้นยังไม่จบสิ้นสำหรับยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริการายนี้

สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานข่าวว่า Amazon ประกาศปลดพนักงานในหลายส่วนธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Twitch บริการแพลตฟอร์มถ่ายทอดสดซึ่งเน้นไปยังสังคมของคนเล่นเกมเป็นหลัก ซึ่งมีการปลดพนักงานมากถึง 500 ราย คิดเป็น 35% ของพนักงานทั้งหมดของ Twitch

Dan Clancy ซึ่งเป็น CEO ของ Twitch ได้กล่าวใน Blog ของบริษัทว่า นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากและเจ็บปวด และพนักงานที่ประจำสำนักงานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา บราซิล หรือแม้แต่สิงคโปร์ ต่างได้รับผลกระทบดังกล่าวหมด

หลังจาก Amazon ซื้อกิจการของ Twitch ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา แต่ธุรกิจของ Twitch เองยังไม่สามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทแม่ได้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีมาตรการปลดพนักงานออกมา

ขณะเดียวกัน Reuters รายงานข่าวว่า Amazon ยังได้ประกาศปลดพนักงานในส่วนของ Prime Video รวมถึงธุรกิจภาพยนตร์อย่าง MGM โดยในจดหมายของผู้บริหารในส่วน Prime Video ได้กล่าวว่า ต้องการที่โฟกัสการลงทุนในส่วนที่สร้างผลดีแก่บริษัท และลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น

Amazon ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นดีลการซื้อกิจการ MGM มูลค่ามากถึง 8,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี 2021 และยังได้ลงทุนในหลากหลายคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นด้านความบันเทิง ไปจนถึงการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาในหลายประเทศ

อย่างไรก็ดีบริษัทได้ปลดพนักงานออกเป็นรวมกันเป็นจำนวนมากถึง 27,000 รายในปี 2023 ที่ผ่านมา และยังปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นออก สาเหตุสำคัญที่บริษัทชี้แจงคือรายได้ของบริษัทที่ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ขณะเดียวกันสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวนั้นส่งผลทำให้บริษัทต้องพิจารณาถึงการใช้จ่ายทั้งหมดเช่นกัน

ความเคลื่อนไหวในการปลดพนังานรอบใหม่ของ Amazon ในปี 2024 นั้นยังแสดงให้เห็นว่า แม้ว่า Amazon จะปลดพนักงานไปรอบใหญ่แล้วในปี 2023 เนื่องด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง ยังทำให้หลายกิจการยังต้องประกาศปลดพนักงาน ซึ่งรวมถึงยักษ์ใหญ่ไอทีรายนี้ด้วย

ที่มา – CNBC, BBC, CNN