แอปเปิล (Apple) ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด โดยยอดขายสินค้าของ Apple นั้นเติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีนที่ยอดขายลดลง 13% แต่ Tim Cook ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวว่าเขาเองยังมองจีนแง่ดี
Apple รายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด (สิ้นสุดปลายเดือนธันวาคม) รายได้ของบริษัทในการขายอุปกรณ์นั้นกลับเติบโตได้เพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากประเทศจีนที่ลดลงมากถึง 13% ตรงข้ามกับบริการอื่นๆ ของบริษัทนั้นรายได้ยังคงเติบโตดี
ผู้ผลิต iPhone มีรายได้รวมสิ้นสุดปลายเดือนธันวาคม 119,575 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยรายได้จากการขายอุปกรณ์ของบริษัทอยู่ที่ 96,458 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเล็กน้อยกว่าปีที่ผ่านมาแค่ 70 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ขณะที่รายได้จากบริการอื่นๆ ของบริษัทอยู่ที่ 23,117 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 2,351 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุสำคัญคือ Apple มียอดขายในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญของบริษัทที่ใหญ่อันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา มียอดขายลดลง 13% สวนทางกับยอดขายในทวีปยุโรป หรือแม้แต่ญี่ปุ่น กลับมียอดขายที่ยังเติบโต ซึ่งอุดช่องว่างในส่วนรายได้ที่หายไปได้บ้าง
ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ยอดขายผลิตภัณฑ์ของ Apple ในประเทศจีนไม่สู้ดีนัก เนื่องจากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจหรือแม้แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังรวมถึงการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือของ Huawei อย่าง Mate 60 Pro ที่ดึงดูดลูกค้าชาวจีนไปไม่น้อย
นอกจากนี้ยังรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ส่งผลทำให้เรื่องความมั่นคงกลายเป็นประเด็นสำคัญมากขึ้น จะเห็นได้จากความเคลื่อนไหวที่หน่วยงานรัฐบาลจีนบางแห่งเริ่มห้ามเจ้าหน้าที่นำ iPhone เข้าที่ทำงาน ให้พกอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศแทน ซึ่งส่งผลต่อยอดขายของ Apple ด้วย
Tim Cook ได้กล่าวว่ารายได้รวมของบริษัทได้เติบโตผ่านระดับ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลขดังกล่าวยังถือเป็นสถิติใหม่ของบริษัท แต่หัวเรือใหญ่ของ Apple เองก็มองโลกในแง่ดีกับตลาดในประเทศจีนในระยะยาว แม้ว่าตัวเลขยอดขายจะลดลงก็ตาม
อย่างไรก็ดีนักลงทุนกลับไม่ได้มองมุมเดียวกับ CEO รายดังกล่าว หลังจากการรายงานผลประกอบการราคาหุ้นของ Apple กลับปรับตัวลดลงมา 3% แทน
ที่มา – CNN, Sky News, Yahoo Finance