-
“เอสซี แอสเสท” เข้าสู่ทศวรรษที่ 3 เดินหน้าขยายพอร์ต “รายได้ประจำ” สร้างความหลากหลายทางธุรกิจ วางเป้าสัดส่วนจากกลุ่มรายได้ประจำขึ้นเป็น 25% ของ EBITDA ภายในปี 2571
-
แผนธุรกิจปี 2567 ผ่อนคันเร่งเปิดตัวใหม่เหลือ 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท เน้นหนัก 80% เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป
-
วิเคราะห์เศรษฐกิจปีนี้ยังมีปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวกเช่นเดียวกับปีก่อน เชื่อภาคอสังหาฯ ส่วนใหญ่เลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง
“เอสซี แอสเสท” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2547 เริ่มจากการพัฒนา “บ้านหรู” ก่อนขยายเข้าสู่ตลาดระดับกลางจนถึงกลางล่าง ปัจจุบันกำลังย่างเข้าสู่ยุคทศวรรษที่ 3 ของบริษัทตั้งแต่ปีนี้
“ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ฉายภาพการลงทุนในทศวรรษใหม่ (2567-2576) ว่าจะเป็นยุค “The Evolution” เน้นสร้างรากฐานบริษัทให้มั่นคงเหมือนต้นไม้ใหญ่ แต่จะมีการลงทุนหลากหลายเปรียบเสมือนกิ่งก้านสาขาที่แผ่ออกไป โดยกำหนดเป้าหมายภายใน 5 ปีแรก (2567-2571) ไว้ 3 ด้าน ได้แก่
- ทำรายได้สะสม 5 ปี มูลค่ารวม 1.5 แสนล้านบาท ทยอยเติบโตต่อเนื่องทุกปี
- สร้างความมั่นคงทางการเงิน ลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่เกิน 1.5 เท่า
- เพิ่มพอร์ตสินทรัพย์สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) หรือ ‘Engine 2’ ของบริษัท เพื่อให้สินทรัพย์กลุ่มนี้มีสัดส่วนใน EBITDA ไม่ต่ำกว่า 25% (*ปัจจุบันมีสัดส่วนใน EBITDA อยู่ 16%)
ปี 2567 เปิดตัวใหม่น้อยลง
ด้านแผนธุรกิจของเอสซี แอสเสทในปี 2567 ตั้งเป้าหมาย ดังนี้
- เป้าพรีเซล 28,000 ล้านบาท
- เป้ารายได้ 26,500 ล้านบาท
- เป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท
- เป้าการลงทุนสินทรัพย์ 25,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อปี 2566 เอสซี แอสเสททำยอดขายไปได้กว่า 27,900 ล้านบาท ทำให้เป้าหมายพรีเซลปีนี้ยังใกล้เคียงเดิม อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวโครงการใหม่เมื่อปีก่อน เอสซี แอสเสทเปิดตัวไป 25 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าปี 2567 เอสซี แอสเสทผ่อนการเปิดตัวใหม่น้อยลงจากปีก่อนพอสมควร
“ผมว่าทุกคนเห็นว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยสดใส เราก็ไปต่อแบบระมัดระวัง ลงทุนแบบสมดุล แม้จะเปิดน้อยลงแต่การรับรู้รายได้จะมากขึ้น” ณัฐพงศ์กล่าว
![เอสซี แอสเสท](https://positioningmag.com/wp-content/uploads/2024/02/SC-ASSET-new-brand.jpg)
โดยปี 2567 นี้จะมีคอนโดมิเนียม 2 แห่งของบริษัทที่จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ คือ เรฟเฟอเรนซ์ สาทร วงเวียนใหญ่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 60% และ สโคป ทองหล่อ มูลค่า 3,000 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 60%
ส่วนการเปิดตัวใหม่ทั้ง 17 โครงการนั้น จะแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 15 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ไฮไลต์เป็นบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ “คอนนาเซอร์” พัฒนาการ ราคาบ้านเริ่ม 80 ล้านบาท ส่วนฝั่งคอนโดฯ จะมี 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เรฟเฟอเรนซ์” ทำเลเอกมัย-ทองหล่อ และทำเลแคมปัสคอนโดย่านเกษตร
ภาพรวมเซ็กเมนต์การเปิดตัวใหม่ปีนี้จะเป็นกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปประมาณ 80% ของพอร์ต ใกล้เคียงกับปีก่อน
![](https://positioningmag.com/wp-content/uploads/2024/02/SC-ASSET-grand-bkk-bangna-km15.jpg)
คลังสินค้า-โรงแรม น่านน้ำเนื้อหอมยุคนี้
ด้านการลงทุนสินทรัพย์สร้างรายได้ประจำ เอสซี แอสเสทเริ่มลงทุนมาแล้วระยะหนึ่งโดยมีทั้งอาคารสำนักงาน 6 อาคาร, คลังสินค้า 1 แห่ง จ.นครสวรรค์, โรงแรม 1 แห่งที่ “YAHN” (ย่าน) ราชวัตร และอะพาร์ตเมนต์ 4 แห่งในเมืองบอสตัน สหรัฐฯ สำหรับปีนี้จะมีการลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่
- คลังสินค้า 3 แห่ง ที่ บางนา กม.20, บางนา กม.22 และแหลมฉบัง
- โรงแรม 2 แห่ง
– Kromo (ครอโม) Curio Collection by Hilton ทำเลสุขุมวิท 29 (ตรงข้ามเอ็มสเฟียร์) จำนวนห้องพัก 306 ห้อง
– โรงแรมทำเลพัทยา จำนวนห้องพัก 161 ห้อง
![](https://positioningmag.com/wp-content/uploads/2024/02/SC-new-hotel-kromo.jpg)
“อนาคตการลงทุนจะเน้นไปที่คลังสินค้าและโรงแรม โดยเฉพาะคลังสินค้าที่ลองลงทุนที่แรกในนครสวรรค์ได้ผลตอบรับที่ดี ปัจจุบันธุรกิจขนส่ง ‘แฟลช’ เช่าเต็มทั้งหมด การหาลูกค้าค่อนข้างเร็ว” ณัฐพงศ์กล่าว “ธุรกิจ ‘Engine 2’ ของเราจะมีการร่วมลงทุนกับบริษัทจากต่างประเทศด้วย จะมีการประกาศการเซ็นสัญญาเร็วๆ นี้”
เศรษฐกิจยังเสี่ยง ไม่ต้องเร่งลงทุน
ปี 2567 ถือเป็นปีที่เอสซี แอสเสทระมัดระวังมาก เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่เอื้อมากนัก โดยณัฐพงศ์มองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ภาคอสังหาฯ เผชิญปัจจัยลบ 3 ด้านใหญ่ คือ
- “ขายช้า” จากเศรษฐกิจโตต่ำ หนี้สูง ต้นทุนสูง และดอกเบี้ยสูง
- “ทุนตึง” ทุกฝ่ายระวังตัวในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ นักลงทุน คู่ค้า หรือลูกค้า ทำให้การหาเงินทุนยากขึ้น
- “เหลื่อมล้ำ” ปลาใหญ่กว่ากินปลาใหญ่ ช่องว่างระหว่างปลาใหญ่กับปลากลาง/ปลาเล็กห่างขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ปลาใหญ่ก็ต้องแข่งขันกันเองในการหาเงินทุน
ประกอบกับปีที่แล้วมีการเปิดตัวใหม่เข้าสู่ตลาดถึงกว่า 5 แสนล้านบาท ทำให้สต็อกระหว่างขายยังค่อนข้างมาก สามารถใช้โครงการเดิมดันยอดขายในปีนี้ได้
“เท่าที่ดูแผนเปิดตัวใหม่ของหลายๆ บริษัทที่แถลงแล้วก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่ลดการเปิดตัวประมาณ 10% เพราะทุกคนเลือกที่จะระวังตัว” ณัฐพงศ์กล่าว
“ดีเวลอปเปอร์หลายรายกำลังปรับพอร์ตตัวเองให้สมดุลกับตลาด ไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่ ทุกรายมองแบบนี้หมดเพราะทุกคนใช้ดาต้าเดียวกันมากขึ้น” อรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม อรรถพลเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นกว่าปี 2566 ได้ เพราะอัตราดอกเบี้ยอาจจะมีแนวโน้มปรับลง และชาวต่างชาติน่าจะเริ่มเข้าลงทุนในตลาดคอนโดฯ ดีมานด์ในกลุ่มตลาดคอนโดฯ จึงน่าจะดีขึ้น
- “เน้นวินัยลงทุน” ธีมแผนธุรกิจปี 2567 ของ “แสนสิริ” ผ่อนคันเร่งเปิดใหม่-เพิ่มน้ำหนักคอนโดฯ
- “ศุภาลัย” อัดเปิดโครงการ 5 หมื่นล้านปี 2567 มองบวก “ดอกเบี้ย” ขาลง – อัตรา “กู้ไม่ผ่าน” น่าจะดีขึ้น
ซีอีโอณัฐพงศ์ยังฝากถึงรัฐบาลด้วยว่า ควรพิจารณาผ่อนคลายความเข้มงวดหลักเกณฑ์ LTV (Loan-to-value) ในกลุ่มบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป เพราะมองว่าผู้ที่ต้องการซื้อเป็นเรียลดีมานด์มากกว่าซื้อเก็งกำไร รวมถึงธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังในการปล่อยกู้สูง และดอกเบี้ยสูงมากอยู่แล้ว ทำให้ควรจะปลดล็อกอัตรา LTV ให้ผ่อนคลายมากขึ้น