-
“ศุภาลัย” เลื่อนโครงการปลายปี 2566 มาอัดเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ทำให้ปีนี้จะโหมเปิดมากที่สุด 42 โครงการ 50,000 ล้านบาท เพิ่มน้ำหนักบ้านเดี่ยวระดับบน (10 ล้านบาทขึ้นไป) มากขึ้น 56%
-
เชื่อมั่นปี 2567 ตลาดอสังหาฯ กระเตื้องขึ้น จากอัตรา “ดอกเบี้ย” ที่น่าจะเข้าสู่ขาลงหรือไม่ขึ้นไปมากกว่านี้ รวมถึงอัตรา “กู้ไม่ผ่าน” ของลูกค้าน่าจะดีขึ้นด้วย
-
ตอกย้ำการลงทุนใน “ออสเตรเลีย” เทเม็ดเงินเพิ่ม 12,600 ล้านบาท ร่วมทุนอสังหาฯ ท้องถิ่นซื้อโครงการพัฒนาขายต่อ เก็บกำไรยาว 8-10 ปี
ขึ้นปี 2567 กับเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ยังต้องลุ้นว่าจะออกหัวหรือออกก้อย แต่สำหรับ “ศุภาลัย” ดูจะมองตลาดในแง่บวกไปก่อนในช่วงต้นปีนี้
“ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) แจงปัจจัยบวกหลายข้อที่เชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่อาจได้ลุ้นเป็นขาลง, ภาพรวมบริษัทอสังหาฯ พร้อมใจกันลดเปิดตัวคอนโดฯ ทำให้ตลาดจะไม่เกิดวิกฤตโอเวอร์ซัพพลาย, โครงสร้างพื้นฐานสำคัญหลายอย่างสร้างเสร็จหรือจวนเปิดใช้ เช่น รถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟฟ้าสายสีเหลือง มอเตอร์เวย์โคราช-บางปะอิน, การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง, แนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศสูงขึ้น
แน่นอนว่าปัจจัยท้าทายยังคงมีอยู่ เช่น อัตราหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง แต่หากดอกเบี้ยปรับลดลงได้อย่างที่คาด ก็น่าจะบรรเทาปัญหาหนี้ครัวเรือนลงได้บ้าง
“ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมในประเด็นอัตราดอกเบี้ยว่า การขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเมื่อปีก่อนทำให้ลูกค้าหลายรายมีความกังวลเรื่องความสามารถของตนในการผ่อนบ้านในอนาคต จนอาจจะตัดสินใจชะลอการซื้อบ้านออกไปก่อน ขณะที่ปีนี้อัตราดอกเบี้ยน่าจะขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้วจึงน่าจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น
“ขอแค่แบงก์มองว่าดอกเบี้ยน่าจะไม่ขึ้นไปมากกว่านี้แล้วก็พอ จะทำให้ลูกค้ามั่นใจขึ้นในการกู้ซื้อบ้านเพราะมองว่าดอกเบี้ยจะไม่ขึ้นสูงไปกว่านี้” ไตรเตชะกล่าว
ขณะเดียวกันปัญหาอัตรากู้ไม่ผ่านของลูกค้าหรือ ‘รีเจ็กต์เรต’ เพราะแบงก์เข้มงวดในการตรวจความสามารถในการผ่อนชำระ ไตรเตชะเห็นว่าปีนี้มีแนวโน้มจะต่ำลงบ้างหลังจากปีก่อนรีเจ็กต์เรตพุ่งสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทปีก่อนมีอัตรากู้ไม่ผ่านสูงถึง 50%
“รีเจ็กต์เรตที่สูงเพราะแบงก์จะดูประวัติทางการเงินของลูกค้าย้อนไป 3 ปี ซึ่งแปลว่ามีการย้อนไปดูถึงปี 2563 ปีแรกที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ลูกค้าหลายคนมักจะมีประวัติเสียในช่วงที่เกิดวิกฤตพอดีจึงทำให้กู้ไม่ผ่าน ปีนี้จึงน่าจะเริ่มดีขึ้นเพราะย้อนไป 3 ปีจะเป็นช่วงที่คนเริ่มกลับมาตั้งหลักได้แล้ว” ไตรเตชะกล่าว
เลื่อนมาเปิดปี 2567 สัญญาณดีกว่า
จากภาพรวมปี 2567 ที่น่าจะดีกว่าเดิม ทำให้ศุภาลัยมีการเลื่อนแกรนด์โอเพนนิ่งหลายโครงการที่เดิมจะเปิดในไตรมาส 4 ปี 2566 มาอัดเปิดในไตรมาส 1 ปี 2567 แทน
ผลการดำเนินงานปี 2566 สรุปศุภาลัยมีการเปิดตัวรวม 26 โครงการ มูลค่ารวม 29,640 ล้านบาท และทำยอดขายไป 28,864 ล้านบาท
ส่วนปี 2567 วางแผนเปิดตัวรวม 42 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 36,000 ล้านบาท ตั้งงบซื้อที่ดินอีก 8,000 ล้านบาท
เพิ่มน้ำหนัก “บ้านหรู” – “ต่างจังหวัด” เพิ่ม 3 จังหวัดใหม่
แผนการเปิดตัวปีนี้แบ่งเป็น กลุ่มแนวราบ 38 โครงการ มูลค่ารวม 43,500 ล้านบาท และคอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท นับว่าเป็นอีกปีที่ศุภาลัยยังทุ่มให้แนวราบต่อ ส่วนคอนโดฯ ไม่ได้เร่งการเปิดมากนัก
ในแง่ของเซ็กเมนต์การเปิด ไตรเตชะระบุว่าปีนี้มีการเปิดขายบ้านเดี่ยวระดับบน (10 ล้านบาทขึ้นไป) มากขึ้น 56% เทียบกับปีก่อน ทำให้มีสัดส่วนราว 20% ในพอร์ตเปิดขายใหม่ เพราะมองว่าตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนแม้จะ ‘เลยจุดพีค’ ไปแล้วแต่ก็ยังไปต่อได้ ด้วยเทรนด์ของคนระดับบนนิยมเปลี่ยนที่อยู่อาศัยหรือซื้อเพิ่ม อีกทั้งรายใหญ่ยังมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการเงินมากกว่ารายเล็กในตลาดนี้ด้วย
ส่วนทำเลการเปิดตัวศุภาลัยยังเน้นตลาดต่างจังหวัดเช่นเคย ปีนี้จะได้เห็นการเปิดตัวในต่างจังหวัดราวครึ่งหนึ่งในพอร์ตเปิดใหม่ และจะมีจังหวัดใหม่ๆ ที่เข้าไปบุก ได้แก่ ลำปาง ลพบุรี และราชบุรี รวมถึงปีนี้จะมีการเปิดคอนโดฯ ในหัวเมืองภูมิภาค 2 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ ‘หัวหิน’ หลังโครงการ ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน ทำยอดขายได้ดี
- อยู่มานาน 34 ปี “ศุภาลัย” เพิ่งมีพรีเซ็นเตอร์คนแรกคือ “โบว์-เมลดา” ทำไมต้องมีในจังหวะนี้!?
- เศรษฐกิจ ‘จีน’ ปี 66 เติบโตต่ำสุดในรอบ 30 ปี เนื่องจากวิกฤต ‘อสังหาฯ’ และ ‘การว่างงาน’
ลงทุนต่อใน “ออสเตรเลีย” อีก 12 โครงการ
สำหรับตลาดต่างประเทศของศุภาลัย บริษัทนี้เริ่มเข้าไปลงทุนที่ออสเตรเลียมานาน 10 ปี ช่วงทศวรรษแรกใช้เม็ดเงินลงทุนไปแล้ว 9,700 ล้านบาท สะสมครบ 12 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท
เข้าสู่ปีที่ 11 ศุภาลัยยังไปต่อกับตลาดแดนจิงโจ้ โดยดร.ประทีปประกาศเรื่องการเซ็นดีลร่วมทุนกับ “Stockland Communities Partnership HoldCo Pty Ltd” บริษัทอสังหาฯ ท้องถิ่นสัญชาติออสซี่ เพื่อตั้งกิจการร่วมค้า “SSRCP HoldCo Pty Ltd” ศุภาลัยถือหุ้น 49.9% และทาง Stockland ถือหุ้น 50.1%
กิจการร่วมค้า SSRCP ได้เข้าซื้อโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่ารวม 137,700 ล้านบาท ใน 5 เมืองสำคัญของออสเตรเลีย ในดีลนี้ศุภาลัยลงเม็ดเงินไป 12,600 ล้านบาท และโครงการที่ได้มาทั้งหมดสามารถพัฒนาขายได้ในระยะประมาณ 8-10 ปีข้างหน้า
เท่ากับปัจจุบันศุภาลัยมีการลงทุนในออสเตรเลียสะสม 24 โครงการ มูลค่ารวม 187,700 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนรวม 22,300 ล้านบาท กระจายพอร์ตไปในเมืองสำคัญ ได้แก่ เมลเบิร์น บริสเบน เพิร์ธ จีลอง ซิดนีย์ และวูลลองกอง