“บริทาเนีย” เปิดแผนปี 2567 วางเป้า “ทรงตัว” เกือบใกล้เคียงปีที่แล้วจากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นมากนัก เน้นกลุ่มตลาดระดับกลางถึงลักชัวรีเป็นหลัก กระจายออกภูมิภาค 6 จังหวัดภาคอีสานและอีอีซี
“ธีรเดช เกิดสำอางค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือออริจิ้นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทโครงการแนวราบ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 8 นับจากการก่อตั้งบริษัท เตรียมลุยตลาดภายใต้แผน “รังสรรค์เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง”
เทน้ำหนักตลาดระดับ “กลาง” ถึง “ลักชัวรี”
แผนธุรกิจปี 2567 ของบริทาเนีย วางเป้าเปิดตัวโครงการ 20 โครงการ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท มีเป้ายอดขาย 13,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 8,000 ล้านบาท
โครงการใหม่ที่จะเปิดในปีนี้แบ่งเป็น 5 กลุ่มตามแบรนด์ของบริษัท คือ
- เบลกราเวีย (บ้านเดี่ยวลักชัวรี ราคา 20-30 ล้านบาท) จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท
- แกรนด์ บริทาเนีย (บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 10-20 ล้านบาท) จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 3,950 ล้านบาท
- บริทาเนีย (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ราคา 4-10 ล้านบาท) จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 7,250 ล้านบาท
- ไบรตัน (บ้านแฝดและทาวน์โฮม ราคา 5-4 ล้านบาท) จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 750 ล้านบาท
- Branded Residence Villa จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 350 ล้านบาท (*ส่วนหนึ่งในโครงการออริจิ้น รีสอร์ต เวิลด์ เขาใหญ่)
ภาพรวมปีนี้สังเกตได้ว่าบริทาเนียเน้นตลาดระดับกลางถึงระดับลักชัวรีเกือบทั้งหมด กลุ่มตลาดกลางล่างมีเพียงโครงการเดียวคือ ไบรตัน ศรีราชา เป็นโครงการทาวน์โฮมราคาเริ่ม 2.8 ล้านบาท
แผนธุรกิจปี 2567 เทียบกับปี 2566 นับว่า “ทรงตัว” ไม่บุกหนัก โดยปีก่อนนี้บริทาเนียมีการเปิดตัวไป 12 โครงการ มูลค่ารวม 16,500 ล้านบาท และสร้างยอดขายได้ 12,500 ล้านบาท
ธีรเดชกล่าวว่า ปีก่อนบริทาเนียเปิดตัวต่ำกว่าเป้าเดิมที่วางไว้ 20 โครงการ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจค่อนข้างซบเซา ทำให้บริษัทชะลอการเปิดตัวเพื่อความยั่งยืนของบริษัท และย้ายโครงการที่ยังไม่ได้เปิดตัวปีก่อนมาเปิดในปี 2567 แทน
บุก 6 จังหวัดภูมิภาค – ชูโมเดล ‘JV’ กับแลนด์ลอร์ด
การเปิดตัวโครงการใหม่ของบริทาเนียปีนี้เน้นลุยในตลาดต่างจังหวัดด้วย โดยมี 12 โครงการที่จะเปิดใน 6 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา ระยอง และชลบุรี มูลค่ารวมโครงการที่เปิดในต่างจังหวัด 9,000-10,000 ล้านบาท หรือเกิน “ครึ่งหนึ่ง” ของโครงการเปิดใหม่ปีนี้
ธีรเดชกล่าวด้วยว่า โมเดลธุรกิจของบริทาเนียเปิดกว้างในการ ‘JV’ (Joint Venture) ร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินหรือดีเวลอปเปอร์ท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดเกือบทั้งหมดเป็นโครงการที่ผ่านการ JV ส่วนในกรุงเทพฯ ปีนี้มีทั้งหมด 4 โครงการที่ลงทุนแบบ JV รวมทั้งหมดมีถึง 16 โครงการปีนี้ที่ร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน
“ข้อดีคือเราไม่ต้องลงทุนหนักในการเก็บที่ดินซึ่งเป็นสินทรัพย์ เป็นผลดีในแง่โมเดลทางการเงิน” ธีรเดชกล่าว “ส่วนความท้าทายคือแน่นอนว่าการมีสองฝ่ายลงทุนร่วมกันก็จะต้องใช้เวลามากขึ้นในการทำงาน”
ขณะที่ฝั่งดีเวลอปเปอร์ท้องถิ่นก็จะได้ประโยชน์ในแง่ของเงินทุน แบรนด์ การตลาด และ knowhow ต่างๆ ในด้านการออกแบบก่อสร้างด้วย
โมเดลการทำงานลักษณะนี้ บริทาเนียเริ่มต้นอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2566 จนทำให้ปัจจุบันมีที่ดินเก็บไว้ทั้งหมด 23 แปลง เพียงพอในการพัฒนาโครงการได้อีก 2-3 ปี ในจำนวนนี้มีถึง 14 แปลงที่เป็นที่ดินเซ็นสัญญาร่วมทุน
- “มหกรรมบ้านคอนโด” หวังกระตุ้นยอดขายต้นปี’67 ไฟต์บังคับ “เศรษฐกิจ K-Shape” เอื้อตลาดบ้านหรู
- จัดองค์กรสำเร็จ! “พฤกษา” มุ่งหน้าตลาด “กลางบน” โตต่อกลุ่มธุรกิจรายได้ประจำ “รพ.วิมุต” ลงทุนเพิ่ม 2 แห่ง
“คาดการณ์ภาคอสังหาฯ ปีนี้ตลาดน่าจะยังทรงตัว เพราะจีดีพีปีก่อนเติบโต 1.9% ส่วนปีนี้มีคาดการณ์ว่าจะโตไม่เกิน 3% ทำให้เราเปิดตัวใกล้เคียงเดิมให้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศ” ธีรเดชกล่าว “แต่ในครึ่งปีหลังก็หวังว่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะลดลง และคาดว่าจะมีมาตรการรัฐมากระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น”