กล้องคอมแพค โจทย์เก่าแคนนอน

 

ตลาดกล้องคอมแพค เหมือนยาขมสำหรับ “แคนนอน” ที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ก็ยังไม่ได้เป็นเบอร์ 1 เสียที แต่ในปีนี้ “วาตารุ นิชิโอกะ” ประธานบริษัทและประธานกรรมการ แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) ดูมั่นใจมากกว่าที่ผ่านมาว่าถึงเวลาเสียที แม้จะอยู่ในภาวะการแข่งขันที่เขาบอกว่า “ดุเดือด รุนแรง” ก็ตาม

แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มอย่างเต็มที่ หลังจากที่อยู่ในตำแหน่งนี้ที่เมืองไทยมาประมาณ 3 ปี ที่แต่ละปีบริษัทแม่คาดหวังให้แคนนอนเป็นเบอร์ 1 ให้ได้ 

“นิชิโอกะ” บอกว่าการขยับในปีนี้คือการสร้างคอนเซ็ปต์สโตร์ในต่างจังหวัดเพิ่มอีก 6 แห่งจากปัจจุบันมี 5 แห่ง ด้วยงบลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท ตามกลยุทธ์ Experience Marketing และทุ่มงบตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วประมาณ 24% ตามอัตราการเติบโตของยอดขาย ที่ตั้งไว้ทะลุ 10,000 ล้านบาทในปี 2555 เฉพาะกล้องตั้งเป้าไว้ที่ 6,346 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 38% จากปีที่แล้ว

แนวทางของแคนนอนนอกจากการเดินเกมการตลาดแล้ว ยังใช้หลักบริหารองค์กรในแบบ Excellence Company ที่มีฐานะการเงินมั่นคง สุจริตโปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อบรรลุเป้าหมายยอดขายด้วย ส่วนสไตล์การทำงานนั้นเขาบอกว่าที่พยายามทำให้แคนนอนเป็นที่ 1 ในปีนี้ ไม่ใช่เพราะจะอยู่ในตำแหน่งปีสุดท้ายหรือจะอยู่ต่ออีกกี่ปี เพราะเขาคิดว่าต้องทำงานให้ดีที่สุดและคิดตลอดว่านี่คือปีสุดท้าย

หากเปรียบเทียบตัวตนกับกล้องแล้ว “นิชิโอกะ” บอกว่าเขาเป็นกล้องในกลุ่ม G Series ที่คุณภาพสูง รุ่นท็อปของคอมแพค มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ซึ่งหมายถึงสามารถเข้าถึงง่าย

นี่คือความลงตัวของผู้บริหารระดับท็อปที่ทำให้ทีมงานมั่นใจ  อย่างที่ “วรินทร์ ตันติพงศ์พานิช” ผู้อำนวยการอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บอกว่า แคนนอนกำลังเข้าใกล้ที่ 1 เข้าไปทุกที  อย่างล่าสุดกับการเปิดตัวรุ่นใหม่ในปีนี้ถึง 23 รุ่น 

ในตลาดบน (DSLR) สำหรับมืออาชีพและคนที่ชอบการถ่ายภาพอย่างจริงจัง แคนนอนในไทยยังอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแรงแม้ “นิคอน” กำลังพยายามรุกเต็มที่ ขณะที่ตลาดลูกค้าทั่วไปที่ใช้กล้องคอมแพค แคนนอนคือเบอร์ 3 ตามหลังโซนี่และซัมซุง 

แต่สัญญาณของเบอร์ 1 เริ่มแผ่วลงเมื่อโซนี่เคยมีส่วนแบ่งตลาดกล้อมคอมแพคเคยมากกว่า 30% เมื่อหลายปีก่อน ขณะนี้เหลือเพียงประมาณ 22% โดยมีซัมซุงตามมาติดๆ และแคนนอนหวังว่าในปีนี้ จะได้ส่วนแบ่ง 23% จากปัจจุบันอยู่ที่ 18% จากตลาดรวมประมาณ 1.6 ล้านเครื่อง นั่นหมายถึงการพลิกขึ้นเป็นเบอร์1 ทันทีหากโซนี่เพิ่มส่วนแบ่งไม่สำเร็จ

แต่โจทย์ที่แคนนอนต้องเผชิญคือตลาดล่างเจอแบรนด์จีนถล่มราคาจนถูกสุดอยู่ที่ 1,800 บาท ขณะที่แคนนอนอยู่ที่ 2,400 บาท ที่แคนนอนขอแก้โจทย์โดยไม่เล่นสงครามราคา แต่ดันมาร์จิ้นให้สูงขึ้นด้วย G (ราคา 20,000++ บาท) และ S Series (ราคา 10,000++ บาท) โดย G ชนกลุ่ม Mirrorless ที่คู่แข่งอย่างนิคอน และโซนี่ ทำตลาดเต็มที่จนกระทบกับกลุ่ม DSLR ของแคนนอนบ้างแล้ว 

การแข่งขันในเวลานี้สำหรับแคนนอน คือการท้าชนกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ เป็นความท้าทายที่ไม่ต่างจากภาพสวยๆ ที่รอเสียงกดชัตเตอร์เสมอ

 

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

ส่วนแบ่งตลาดกล้องคอมแพค
ปี 2554

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>โซนี่

22%

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ซัมซุง

20%

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>แคนนอน

18%

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>อื่นๆ

60%

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

ส่วนแบ่งตลาดกล้อง
DSLR

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>แคนนอน

66%

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>อื่นๆ

34%