กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้อง Apple ข้อหาผูกขาดตลาดมือถือ คุกคามตลาดเสรี ใช้เล่ห์เหลี่ยมกีดกันคู่แข่ง

ภาพจาก Shutterstock
แอปเปิล (Apple) ได้ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของ 16 รัฐ ได้ฟ้องในข้อหาผูกขาดตลาดโทรศัพท์มือถือ และยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไม่ให้ลูกค้าย้ายไปใช้ผลิตภัณฑ์คู่แข่ง ไปจนถึงการไม่ให้เข้าถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ขณะที่ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิต iPhone นั้นกล่าวว่าพร้อมที่จะต่อสู้เรื่องดังกล่าว

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของรัฐต่างๆ รวมกัน 16 รัฐ ได้ยื่นฟ้อง Apple ในข้อหาผูกขาดตลาดโทรศัพท์มือถือ และใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ เพื่อที่จะกีดกันคู่แข่งไม่ให้เข้าถึงบริการต่างๆ ของบริษัท หรือแม้แต่ข้อหาทำให้ผู้บริโภคหรือแม้แต่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

ในการยื่นฟ้องต่อ Apple มีหลากหลายข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็น การกีดกันข้อความสั้นของ Android การเก็บค่าคอมมิชชั่นภายใน App Store 30% การห้ามเข้าถึงระบบ Wallet หรือแม้แต่การกีดกันไม่ให้คู่แข่งสามารถเข้าถึง Apple Watch หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้ เป็นต้น

พฤติกรรมดังกล่าวของ Apple หลายปีที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของรัฐต่างๆ รวมกัน 16 รัฐ สั่งฟ้อง Apple โดยชี้ว่ายักษ์ใหญ่รายดังกล่าวได้ทำให้การแข่งขันนั้นย่ำแย่ลง และยังชี้ว่าคำกล่าวอ้างของคดีนี้นั้นจะทำลายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้บริโภคนั้นไม่เป็นความจริง

Merrick Garland อัยการสูงสุดของสหรัฐได้ชี้ว่า Apple รักษาอำนาจ (ในการผูกขาด) ไว้ไม่ใช่เพราะความเหนือกว่า (ผู้เล่นรายอื่น) แต่เป็นเพราะพฤติกรรมกีดกัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังชี้ว่า การผูกขาดในกรณีของ Apple ได้คุกคามตลาดเสรี ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

ข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังชี้ว่า ส่วนแบ่งของ Apple ในตลาดสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ นั้นเกิน 70% และส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของบริษัทเกิน 65% อีกด้วย

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Apple ได้ถูกสหภาพยุโรปปรับเงินบริษัทมากถึง 1,800 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบๆ 70,000 ล้านบาท (ในช่วงเวลานั้น) จากข้อหาที่ผูกขาด App Store และขัดขวางไม่ให้คู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการ Music Streaming รายอื่นสามารถแจ้งผู้ใช้งานได้ว่าสามารถจ่ายเงินค่าบริการจากนอกแพลตฟอร์มได้

ทางฝั่งของ Apple ได้ให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับคดีนี้อย่างจริงจัง และปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยมองว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นทำลายเรื่องของนวัตกรรมด้วยซ้ำ

ที่มา – The Verge, CNN, NBC News