หมดยุคตื่นทอง! คาดอีก 3 ปี ค่าย ‘รถอีวี’ ราว 15% จะ ‘ล้มละลาย’ หรือ ‘โดนซื้อกิจการ’

หากนับเฉพาะตลาดประเทศไทย จะเห็นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี นั้นเติบโตอย่างมาก โดยมียอดจดทะเบียนรถใหม่ทั้งหมดกว่า 7 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 695.9% มากเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน แต่ในภาพของตลาดโลก การเติบโตเริ่มชะลอตัวลง โดยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 31% ลดลงจากปี 2565 ที่เติบโต 60%

อีก 3 ปี ต้นทุนผลิตรถอีวีถูกกว่ารถสันดาป

ล่าสุด เปโดร ปาเชโก รองประธานฝ่ายวิจัยของ การ์ทเนอร์ ได้ออกมาคาดการณ์ว่า ภายในปี 2570 ต้นทุนการผลิตของ รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEVs) จะถูกลงเมื่อเทียบกับ รถยนต์เครื่องสันดาป (ICE) ในเซกเมนต์เดียวกัน ในขณะที่ผู้ผลิต OEM เดินหน้าพลิกโฉมงานด้านการผลิตควบคู่ไปกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ในปีถัด ๆ ไปนี้ จะเห็นต้นทุนการผลิตรถ BEV ลดลงเร็วกว่าต้นทุนแบตเตอรี่อย่างมาก

“นั่นหมายความว่า BEV จะมาถึงจุดที่มีต้นทุนการผลิตเท่ากับ ICE ได้รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็จะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการซ่อมแซม BEV บางส่วนมีราคาสูง” ปาเชโก กล่าว

ต้นทุนรถถูกลง แต่ต้นทุนการซ่อมสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนเฉลี่ยของการซ่อมแซมตัวถังรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่จากอุบัติเหตุรุนแรงจะเพิ่มขึ้น 30% ส่งผลให้ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุและเสียหายนั้นมีแนวโน้มที่จะ Write-Off มากกว่าซ่อมแซม เนื่องจากค่าซ่อมแซมอาจมีราคาสูงกว่ามูลค่าคงเหลือของรถ ในทำนองเดียวกัน การซ่อมแซมการชนที่มีราคาสูงกว่าอาจทำให้ค่าเบี้ยประกันแพงขึ้น และบริษัทประกันอาจปฏิเสธที่จะให้ความคุ้มครองรถยนต์บางรุ่น

“การลดต้นทุนการผลิต BEV อย่างรวดเร็วนั้นไม่ควรเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับค่าซ่อมที่สูงขึ้น เนื่องจากอาจส่งผลย้อนกลับมายังผู้บริโภคได้ในระยะยาว ดังนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ BEV ต้องหากระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าต้นทุนการซ่อมแซมต่ำลงด้วย”

เครื่องชาร์จอีวี

อีก 3 ปี ค่ายรถ 15% อาจล้มละลาย

อุตสาหกรรมนี้กำลังพัฒนาจาก ยุคตื่นทอง ไปสู่ ยุคผู้เหมาะสมที่สุดเท่านั้นจึงอยู่รอด ซึ่งหมายความว่าความสำเร็จของบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมนี้ ณ ปัจจุบัน ถูกจำกัดความสามารถอย่างหนักในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้รถอีวีในยุคแรก ๆ ขณะที่มาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศต่าง ๆ ที่กำลังทยอยสิ้นสุดลง ทำให้ผู้นำในตลาดขณะนี้เจอกับความท้าทายมากขึ้นตามไปด้วย

ส่งผลให้ในปี 2570 จำนวนค่ายรถอีวีประมาณ 15% ที่ก่อตั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอาจ ถูกซื้อกิจการหรือล้มละลาย อย่างเช่นเหล่าสตาร์ทอัพที่ยังต้องพึ่งเงินลงทุนของนักลงทุน 

“นั่นไม่ได้หมายความว่าอุตสาหกรรมอีวี กำลังล่มสลาย แต่เป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ที่บริษัทที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดจะเป็นผู้ชนะในตลาดที่เหลือ” 

ทั้งนี้ ในปี 2567 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกสูงถึง 18.4 ล้านคัน และเพิ่มเป็น 20.6 ล้านคันในปี 2568