‘Ericsson’ โละพนักงานอีก 1,200 คน หลังบริษัทโทรคมนาคมไม่ได้ลงทุนกับ 5G อย่างที่คิด

Ericsson HQ Signage Architect: Wingårdhs
แม้ว่ากำไรจากผลประกอบการช่วงไตรมาส 4/2023 ที่ผ่านมาของ อีริคสัน (Ericsson) จะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดก็ตาม แต่สิ่งที่บริษัทคาดไว้ว่าความต้องการอุปกรณ์เทคโนโลยี 5G จากฝั่งผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปีนี้จะไม่พลิกโผ แถมยังทำให้บริษัทต้องลดจำนวนพนักงานอีกระลอก

อีริคสัน บริษัทซัพพลายเออร์อุปกรณ์โทรคมนาคม ได้ประเมินว่า ปี 2024 จะเป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากยอดขายอุปกรณ์ 5G ซึ่งเป็น แหล่งรายได้หลัก เริ่มชะลอตัวลงในตลาดอเมริกาเหนือ ขณะที่อินเดียซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตสูง ก็อาจชะลอตัวเช่นกัน

โดยหลังจากที่บริษัทได้ลดพนักงานหลายราว 1,400 คนในปีที่แล้ว ล่าสุด บริษัทได้เปิดเผยว่า กำลัง เลิกจ้างพนักงาน 1,200 คน ในสวีเดน หลังจากเคยบอกไปเมื่อช่วงเดือนมกราคมว่า บริษัทอาจพิจารณาการลดต้นทุนเพิ่มเติมในปีนี้ รวมถึงการเลิกจ้างพนักงาน แต่ไม่ได้ระบุตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม การเลิกจ้างพนักงานในครั้งนี้ บริษัทไม่ได้ระบุว่าจะช่วยลดต้นทุนให้บริษัทเป็นเงินเท่าไหร่

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และมันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย โดยอาจมีการเลิกจ้างเพิ่มเติมในปลายปีนี้ และอาจลากยาวไปถึงปี 2025 เนื่องจากความท้าทายในตลาดโครงสร้างพื้นฐานมือถือ” เปาโล เพสคาตอเร นักวิเคราะห์จาก PP Foresight กล่าว

โดยทางอีริคสันมองว่า ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายของตลาดเครือข่ายมือถือ โดยเห็นปริมาณการหดตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากลูกค้ายังคงลงทุนอย่างระมัดระวัง ขณะที่ เปาโล เพสคาตอเร เสริมว่า 5G ไม่ใช่อะไรที่จะประสบความสำเร็จแบบเหนือการคาดหวัง แต่เป็นอะไรที่เติบโตช้ามาก

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2023 อีริคสันมีพนักงานเกือบ 100,000 คน โดยผลประกอบการในไตรมาสที่ 4/2023 ของอีริคสัน ร่วงลงเหลือ 7.19 หมื่นล้านโครนาสวีเดน ส่วนกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ (EBIT) ซึ่งไม่รวมค่าธรรมเนียมการปรับโครงสร้าง ลดลงมาอยู่ที่ 7.37 พันล้านโครนา จาก 8.08 พันล้านโครนาเมื่อเทียบรายปี แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในผลสำรวจของ LSEG คาดไว้ที่ 6.92 พันล้านโครนา

แน่นอนว่าอีริคสันไม่ใช่บริษัทซัพพลายเออร์อุปกรณ์โทรคมนาคมเจ้าเดียวที่ลดพนักงาน แต่ปีที่ผ่านมา โนเกีย (Nokia) ที่ปลดพนักงานไปกว่า 14,000 คน เหตุจากผลประกอบการไตรมาส 3 ดิ่ง ยอดขายลดลง 20% เหลือ 4.98 พันล้านเหรียญยูโร ขณะที่กำไรลดลงถึง 69% เหลือเพียง 133 ล้านเหรียญยูโรเท่านั้น

Source