“บิลท์แลนด์” หันมาจับกลุ่ม “บ้านหรู” ตามภาวะตลาด แตกไลน์เปิดธุรกิจ “โรงแรม” เสริมกระแสเงินสด

  • อสังหาฯ รายกลาง “บิลท์แลนด์” เปิดทิศทางธุรกิจปี 2567 ขยับเซ็กเมนต์ขึ้นมาจับตลาด “บ้านหรู” ราคามากกว่า 10 ล้านมากขึ้น หลังภาวะตลาดไม่เอื้อกับการขายบ้านระดับกลาง
  • แตกไลน์ธุรกิจโรงแรม “Koo Hotel” สร้างรายได้ประจำเสริมกระแสเงินสด สาขาแรกเกาะกลุ่มคนทำงาน “อิมแพ็ค เมืองทองธานี”

“บิลท์แลนด์” เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายกลางที่อยู่ในวงการมานาน 15 ปี ที่ผ่านมาพัฒนาโครงการสะสม 14 โครงการ มูลค่ารวม 7,480 ล้านบาท มีโครงการสร้างชื่อ เช่น เทมโป แกรนด์ สาทร-วุฒากาศ, เลสโต คอนโด สุขุมวิท 113-สถานีสำโรง, บ้านแฝด-ทาวน์เฮาส์ เดอะ ริทโม ชัยพฤกษ์-วงแหวน

โครงการส่วนใหญ่ของบิลท์แลนด์ที่ผ่านมามักจะทำตลาดกลุ่มราคาเข้าถึงได้ง่าย หากเป็นคอนโดก็จะเปิดขายในกลุ่มราคา 1-3 ล้านบาทเป็นหลัก ส่วนโครงการแนวราบจะอยู่ในกลุ่มราคา 2-5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม “ชัยรัตน์ ธรรมพีร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “วิฑูรย์ อภิวาทธนะพงศ์” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงแผนของปี 2567 ว่า บริษัทวางทิศทางใหม่ที่เป็นการปรับตัวตามสภาวะตลาด ปีนี้บิลท์แลนด์จะมีการเปิดตัวบ้านจัดสรร 6 โครงการ มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท และส่วนใหญ่จะขยับขึ้นไปเจาะตลาดกลุ่ม 5-10 ล้านบาท และ 10 ล้านบาทขึ้นไป

(ซ้าย) “วิฑูรย์ อภิวาทธนะพงศ์” รองกรรมการผู้จัดการ และ (ขวา) “ชัยรัตน์ ธรรมพีร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน)

เนื่องจากสภาวะตลาดอสังหาฯ ไทยช่วงนี้ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทค่อนข้างจะ ‘ขายยาก’ คือมีดีมานด์ แต่โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้จริงเพราะลูกค้า ‘กู้ไม่ผ่าน’ ทำให้บิลท์แลนด์เองต้องแก้เกมด้วยการปรับเซ็กเมนต์ขึ้นไปในกลุ่มระดับกลางจนถึงไฮเอนด์ รวมถึงในตลาดคอนโดฯ ยังต้อง ‘รอจังหวะ’ ไปก่อน ไม่มีการเปิดเพิ่มในปีนี้

 

พัฒนาบ้านหรูยูนิตน้อย – โครงการริมเลคย่านไทรน้อย

6 โครงการของบิลท์แลนด์ที่จะเปิดในปี 2567 มีดังนี้

  1. เทอร์ร่า เฮาส์ วิภา-พหล 21 บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 6 ยูนิต ราคาเริ่ม 58 ล้านบาท
  2. เทอร์ร่า ควอเตอร์ แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 35 บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 4 ยูนิต ราคาเริ่ม 20 ล้านบาท
  3. เทอร์ร่า คลาวด์ ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 9 ยูนิต ราคาเริ่ม 50 ล้านบาท
  4. เทมโป ไมร์ร่า พระราม 5-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 90 ยูนิต ราคาเริ่ม 6.9 ล้านบาท
  5. ริทโม พาร์ควิว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ บ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 72 ยูนิต ราคาเริ่ม 4.77 ล้านบาท
  6. เลค เทมโป-ไทรน้อย โครงการใหญ่ 200 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 4 โครงการย่อย คือ
    ริทโม เลควิว บ้านแฝดและบ้านเดี่ยว จำนวน 172 ยูนิต ราคาเริ่ม 3.8 ล้านบาท
    เทมโป เลคไซด์ บ้านเดี่ยว จำนวน 154 ยูนิต ราคาเริ่ม 5 ล้านบาท
    ไมร์ร่า ฮิลล์ บ้านเดี่ยว จำนวน 120 ยูนิต ราคาเริ่ม 6.9 ล้านบาท
    เทอร์ร่า โคฟ บ้านเดี่ยว จำนวน 12 ยูนิต ราคาเริ่ม 18 ล้านบาท
เทอร์ร่า เฮาส์ วิภา-พหล 21
เลค เทมโป-ไทรน้อย

ปีนี้บิลท์แลนด์มีการขึ้นแบรนด์ใหม่ในตระกูล “เทอร์ร่า” เพื่อมาเจาะตลาดบ้าน 3 ชั้นในเมืองในกลุ่มไฮเอนด์โดยเฉพาะ รวมถึงเป็นครั้งแรกที่ขึ้นโครงการขนาดใหญ่อย่าง “เลค เทมโป” เป็นหมู่บ้านรอบทะเลสาบขุดที่แยกออกเป็นหลายขนาด หลายรูปแบบบ้าน และหลายกลุ่มราคา

 

ขอเป็นแบรนด์ที่ “อยู่ได้จริง” และ “พื้นที่สีเขียวจัดเต็ม”

ในแง่การทำแบรนดิ้ง วิฑูรย์กล่าวว่า เนื่องจากชื่อ “เทมโป” เป็นชื่อโครงการที่ติดตลาดที่สุดของบริษัท ทำให้มีการนำมาใช้ในชื่อโครงการใหม่ๆ และต้องการสื่อสารแบรนด์ผ่านโปรดักส์จริง อยากให้ลูกค้าจดจำโครงการของบิลท์แลนด์ว่าเป็นโครงการที่ “ขนาดและฟังก์ชันอยู่ได้จริง” รวมถึง “พื้นที่สีเขียวจัดเต็ม”

ตัวอย่างเช่น โครงการที่มี 3 ห้องนอน บิลท์แลนด์จะจัดสรรพื้นที่ให้ทุกห้องนอนสามารถวางเตียงขนาดคิงไซส์ได้และมีห้องน้ำในตัว เพราะคำนึงถึงการอยู่จริง ทุกคนในบ้านมีสเปซที่อยู่สบาย

บิลท์แลนด์
เทมโป ไมร์ร่า พระราม 5-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ โครงการบ้านในอุทยานไม้หอม

ส่วนการจัดเต็มพื้นที่สีเขียว เช่น โครงการเลค เทมโป ปัจจุบันลงต้นไม้แล้ว 1,000 กว่าต้นในพื้นที่ 200 ไร่ ทำให้อนาคตจะร่มรื่นมาก หรือ โครงการตระกูล “ไมร์ร่า” มีคอนเซ็ปต์เป็น “บ้านในอุทยานไม้หอม” เพราะโครงการจะลงต้นไม้ที่เป็นไม้หอมทั้งหมด

 

“Koo Hotel” โรงแรมบัดเจ็ทตีตลาด “อิมแพ็ค เมืองทองธานี”

ชัยรัตน์กล่าวต่อถึงการแตกไลน์ธุรกิจที่ช่วยให้กระแสเงินสดของบิลท์แลนด์มั่นคงขึ้น โดยมีการลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานแบบโคเวิร์กกิ้งสเปซ “B Work” และโรงแรม “Koo Hotel” จำนวน 79 ห้องพักขึ้นที่ซอยแจ้งวัฒนะ 35 เริ่มเปิดบริการในปี 2566 ทำเลนี้อยู่ติดกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีศรีรัช และเป็นปากทางเข้า “อิมแพ็ค เมืองทองธานี”

บิลท์แลนด์
อาคารสำนักงาน B Work และ Koo Hotel แจ้งวัฒนะ 35

ธุรกิจโรงแรม Koo Hotel นี้ชัยรัตน์มองว่าประสบความสำเร็จเกินคาด จากอัตราเข้าพัก 50% และสามารถทำราคาได้เฉลี่ย 1,000-1,200 บาทต่อคืน สาเหตุมาจากทำเลที่ดี เข้าออกเมืองทองธานีสะดวก รวมถึงออกแบบห้องพักจะแยกโซนอาบน้ำกับอ่างล้างหน้า เพราะเข้าใจทาร์เก็ตหลักคือ ‘พนักงานออกบูธอีเวนต์ในอิมแพ็คฯ’ ที่รีบเร่งทำธุระส่วนตัวในช่วงเช้าก่อนไปทำงาน

จากธุรกิจโรงแรมที่ไปได้ดี ช่วยสร้างรายได้ประจำเป็นกระแสเงินสดให้บริษัท ทำให้ปี 2567 นี้บิลท์แลนด์เตรียมขึ้น “Koo Hotel” แห่งที่ 2 ทำเลซอยวัดบัวขวัญ ใกล้พันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน มูลค่าการลงทุน 400 ล้านบาท เตรียมก่อสร้างเป็น 2 อาคาร อาคารละ 79 ห้อง อาคารแรกเน้นเป็นโรงแรมรายวัน ส่วนอาคารที่สองจะเป็นอพาร์ทเมนต์เน้นปล่อยเช่ารายเดือน คาดจะได้ลูกค้ากลุ่มที่เดินทางเข้ามาทำธุระในกรุงเทพฯ และคนทำงานที่เกี่ยวข้องกับพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วานซึ่งมีแผนจะรีโนเวต

ชัยรัตน์กล่าวด้วยว่า ธุรกิจโรงแรมจะเป็นธุรกิจที่บิลท์แลนด์ลงทุนต่อเนื่อง และในอนาคตคาดว่ารายได้ประจำจะคิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวมบริษัท

สำหรับปี 2567 นี้ บิลท์แลนด์ตั้งเป้ายอดขายและรายได้ไว้ที่ 600-700 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 3 เท่าตัว ส่วนแผนการเปิด IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นคาดจะยังไม่เปิดภายในปีนี้เนื่องจากสภาวะตลาดยังไม่อำนวย และบริษัทต้องการปรับพอร์ตโฟลิโอให้เหมาะสมก่อน