Apple และบริษัทอื่นๆ ทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้า เน้นผลิตในประเทศ

ภาพจาก Shutterstock
บริษัทหลายแห่งทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกันการนำเข้าสินค้า 4,000 รายการ ซึ่งกระทบกับบริษัทต่างชาติไม่ว่าจะเป็น Apple คาดว่า MacBook Pro ที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซียนั้นสินค้าจะหมดสต๊อกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ หรือแม้แต่ผู้ผลิตยางรถยนต์อย่าง Michelin ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่าหลายบริษัททั่วโลกไม่ว่าจะเป็น Apple ไปจนถึง Michelin ได้เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกันการนำเข้าสินค้า เนื่องจากเป้าหมายรัฐบาลต้องการให้มีการผลิตสินค้าในประเทศแทนการนำเข้า

รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้า 4,000 รายการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมานั้นต้องการที่จะทำให้บริษัทต่างๆ มาตั้งฐานการผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลมองว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว

ถ้าหากบริษัทไหนต้องการที่จะนำเข้าสินค้าใน 4,000 รายการดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ และในการขออนุญาตจะต้องส่งคาดการณ์เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าเหล่านี้

ประเด็นดังกล่าวนั้นยังรวมถึงรัฐบาลอินโดนีเซียไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ทำให้เกิดความสับสน กับบริษัทต่างๆ ทั่วโลกถึงมาตรการดังกล่าว เนื่องจากบริษัทต่างชาติจะต้องมีการวางแผนในด้านธุรกิจตลอดเวลา

และมาตรการดังกล่าวยังสวนทางกับนโยบายของอดีตประธานาธิบดี โจโก วีโดโด ซึ่งพยายามที่จะเป็นมิตรต่อบริษัทต่างชาติ และต้องการให้บริษัทจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งเขาได้ชักชวนบริษัทดังๆ เช่น Tesla และ SpaceX ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่ง หรือแม้แต่บริษัทอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สินค้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการจำกัดการนำเข้าที่หลายบริษัทต่างชาติได้รับผลกระทบถ้วนหน้ามีตั้งแต่ การห้ามนำเข้า Laptop ซึ่งกระทบกับ Apple และบริษัทรายอื่น โดยคาดว่า MacBook Pro ที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซียนั้นสินค้าจะหมดสต๊อกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้

ขณะที่สินค้าประเภทเคมีภัณฑ์กระทบกับ Michelin ผู้ผลิตยางรถยนต์นั้นวัสดุเคมีภัณฑ์ที่นำเข้าจากทวีปยุโรปในช่วงเดือนมีนาคมนั้นคาดว่าวัสดุดังกล่าวจะหมดสต๊อกภายในระยะเวลา 2-3 เดือนหลังจากนี้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น Michelin ได้ทำงานร่วมกับบริษัทต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเพื่อจะแก้ปัญหา และมองโลกในแง่ดีว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะแก้ปัญหานี้ได้ และหลายบริษัทเตรียมพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาลอินโดนีเซียในปัญหาดังกล่าวแล้ว