Live Nation โดนผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ฟ้องร้องคดีกลุ่ม จากพฤติกรรมผูกขาด เรียกค่าเสียหายรวม 183,000 ล้านบาท

ภาพจาก Unsplash
ไลฟ์เนชั่น (Live Nation) ล่าสุดโดนผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ฟ้องร้องคดีกลุ่ม เรียกค่าเสียหายรวม 183,000 ล้านบาท จากกรณีที่บริษัทพยายามผูกขาดการควบคุมอุตสาหกรรมการจัดแสดงคอนเสิร์ต คุกคามเจ้าของสถานที่จัดงานซึ่งอาจใช้โปรโมเตอร์ที่เป็นคู่แข่งของบริษัท และพยายามกีดกันโปรโมเตอร์กับคู่แข่งให้ออกจากการแข่งขันดังกล่าว

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า Live Nation รวมถึงธุรกิจภายใต้เครือบริษัทอย่าง Ticketmaster ล่าสุดนั้นมีผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ได้ฟ้องร้องคดีกลุ่ม โดยเรียกร้องค่าเสียหายรวมกันมากถึง 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 183,000 ล้านบาท

สาเหตุสำคัญของคดีฟ้องร้องกลุ่มคือ Live Nation พยายามผูกขาดการควบคุมอุตสาหกรรมการจัดแสดงคอนเสิร์ต คุกคามเจ้าของสถานที่จัดงานซึ่งอาจใช้โปรโมเตอร์ที่เป็นคู่แข่งของบริษัท และพยายามกีดกันโปรโมเตอร์กับคู่แข่งให้ออกจากการแข่งขันดังกล่าว

ในเอกสารในการฟ้องร้องยังชี้ว่า Ticketmaster ยังครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 70-80% ในการจัดจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตตามสถานที่จัดแสดงขนาดใหญ่ ทำให้ Live Nation และ Ticketmaster มีบทบาทมากเกินไปจนสามารถควบคุมในเรื่องธุรกิจการจัดคอนเสิร์ต หรือแม้แต่การจัดเทศกาลดนตรี ไปจนถึงการกดดันให้สถานที่จัดคอนเสิร์ตใช้บริการขายตั๋วจากบริษัทได้

การฟ้องร้องดังกล่าวยังชี้ถึงพฤติกรรมของ Live Nation ในการตั้งค่าธรรมเนียมที่สูง ซึ่งส่งผลทำให้ตั๋วคอนเสิร์ตมีราคาแพงมากขึ้น หรือแม้แต่การซื้อตั๋วคอนเสิร์ตต่อจากผู้อื่นนั้นมีราคาแพงเกินไป ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ต้องการดูคอนเสิร์ต

กรณีการฟ้องร้องดังกล่าวตามหลังมาจากอัยการ 30 มลรัฐและกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้ฟ้องร้อง Live Nation เพื่อที่จะแยกบริษัทออกจากัน โดยให้เหตุผลเนื่องจากทาง Live Nation นั้นเป็นโปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ตตามสถานที่แสดงต่างๆ เป็นสัดส่วนมากถึง 60% ในสหรัฐอเมริกา

มีความเป็นไปได้ว่า กรณีการฟ้องร้องคดีดังกล่าวกับ Live Nation และ Ticketmaster นั้นจะยิ่งเร่งให้คดีความดังกล่าวต้องมีการตัดสินคดีดังกล่าวไวขึ้นกว่าเดิมด้วย