“บิวตี้ บล็อกเกอร์” ปั้นได้

 

“บิวตี้ บล็อกเกอร์” เป็นอีกอาชีพที่มาแรงแซงโค้ง “บล็อกเกอร์” ทั่วไป บางคนถึงกับทำเป็นอาชีพประจำ มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ หรืออย่างกรณีของ “โมเม พาเพลิน” -นภัสสร บูรณศิริ ที่ผันตัวจากนักร้อง มาทำรายการสอนภาษาอังกฤษ ก่อนจะมาเป็นบล็อกเกอร์ความงามชื่อดัง เจ้าของวลี 

“ผู้หญิงไม่สวยไม่มี มีแต่ผู้หญิงขี้เกียจ” ที่กลายเป็นกระแสสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงในสังคม แต่กว่าที่จะมาถึงวันที่ “โมเม พาเพลิน” จะกลายเป็นรายการที่สาววัยรุ่นจนถึงคนทำงานทุกคนต้องรู้จัก ทั้งหมดต้องลองผิดลองถูกและผ่านกลยุทธ์จาก 2 ผู้อยู่ เบื้องหลัง ณัฐพงศ์ เทียนดี กรรมการผู้จัดการและ โรซี่ วงศ์สุรวัฒน์ ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ spokedark.tv ทั้งคู่คือพี่เขยและพี่สาวของ จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ พิธีกรของ “เจาะข่าวตื้น” อีกรายการของ spokedark ที่แจ้งเกิดได้นั่นเอง  

 

เบื้องหลัง โมเม พาเพลิน 

รายการโมเม พาเพลิน เป็นรายการสอนแต่งหน้า ทำผม รีวิวเครื่องสำอาง ซึ่งมีผู้ชมโดยเฉลี่ยหลักแสนวิวขึ้นไป แทบทุกคลิปที่ถูกโพสต์ขึ้นใน spokedark.tv เว็บไซต์ ทีวีออนไลน์  จุดเปลี่ยนแรกมาจากเดิมที่รายการโมเม พาเพลินเป็นคลิปสั้นๆ สอนภาษาอังกฤษในทีวีออนไลน์ แต่ในที่สุดทีมงานก็ค้นพบว่า เรื่องของผู้หญิงและความงามมีพลังดึงดูดมากกว่า

“ตอนแรก โมเมก็บอกว่า หนูจะสอนภาษาอังกฤษนะพี่ เราก็บอกว่าเอาสิอยากทำอะไรก็ทำ สอนภาษาอังกฤษก็ดี มีเนื้อหาสาระดี แต่ความสำเร็จมันก็อยู่ในรระดับ Average อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นเว็บมันยังไม่ดังด้วย พอภาษาอังกฤษไปได้นิดหนึ่ง เราก็อยากจะสอนอะไรที่ได้ใช้จริง แล้วเราก็เป็นผู้หญิง ก็เลยสอนภาษาอังกฤษจากแมกกาซีนความงามเพื่อไว้อ่านแมกกาซีนเมืองนอก เช่น เรื่องของรองเท้ามันไม่ใช่แค่ Shoe แต่มันมีศัพท์เกี่ยวกับรองเท้าเยอะแยะ พอทำไปทำมามันก็สนุกดี สักพักมันกลายเป็นรายการแฟชั่นไปซะอย่างนั้น 

“ตัวโมเมก็แต่งหน้าเอง ที่สำคัญ เขาแต่งได้ก่งมากจริงๆ สิ่งที่เราทำให้โมเมคือ แค่ถามว่าวันนี้จะมาแต่งหน้าอะไร แล้วก็จัดแสงเพื่อให้เห็นสีจริงๆ ของเครื่องสำอาง ของผิว อำนวยความสะดวกและตัดต่อ ที่เหลือเป็นความเอนเตอร์เทนของเขาเอง”  โรซี่ เล่าเหตุการณ์เมื่อ 2-3 ปีก่อน 

แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ โมเม พาเพลิน ฮิตติดลมบน อยู่ที่การผสานสื่อออนไลน์กับออฟไลน์ “ตอนนั้นก็ทำอยู่เป็นปี แต่ทำไมมันยังไม่เกิดอะไรขึ้นสักที ทั้งๆ ที่คนดูเยอะ รายการอื่นก็เริ่มทยอยขายได้ ทั้งรายการเก้าอี้เสริม และเจาะข่าวตื้น แต่โมเม พาเพลินก็ยังนิ่ง เราก็มาคิดว่า เราไม่มีเสน่ห์กับเอเยนซี่หรือยังไง แต่พอโมเมได้ลงแมกกาซีน ด้วยตัวเขาเอง สัมภาษณ์ลงสื่อออฟไลน์ หนังสือกุลสตรี 4-5 หน้ากลาง เท่านั้นแหละ ทุกอย่างก็พลิก ถือเป็น Tipping Point” จากนั้นก็ทำให้รายการ โมเม พาเพลิน เป็นรายการอันดับ 1 ใน spokdark ทั้งในแง่ผู้ชมและรายได้จากสปอนเซอร์   

 

แฟนคลับ กำลังสำคัญของบล็อกเกอร์  

นอกจากจะมีต้นทุนของการทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ทำให้เปิดโอกาสบนพื้นที่แมกกาซีนผู้หญิงแล้ว ยังมีการใช้สื่ออื่นๆ เพื่อสร้างฐานแฟนคลับ และในเมื่อโมเมพาเพลินแจ้งเกิดจากอินเทอร์เน็ตทีวี ทำให้ช่องทางออนไลน์จึงเป็นตัวหลักของโมเม ที่ตอนนี้มีทั้งทวิตเตอตร์ มียอด Follower มากกว่า 52,000 คน ส่วนแฟนเพจก็มีอยู่ประมาณ 106,000 คน ซึ่งโมเมต้องตอบคำถามแฟนๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด หรือบางครั้งเมื่อเดินทางไปต่างประเทศก็ซื้อของรางวัลมาเล่นเกมกับแฟนคลับ ถือเป็นหน้าที่หนึ่งของบล็อเกกอร์ที่ต้องบริหารความสัมพันธ์กับแฟนๆ ซึ่งก็ถือว่าหนักอยู่ไม่น้อย เพราะกลุ่มเป้าหมายมีความต้องการหลากหลาย บางครั้งก็ต้องหาข้อมูล และทดลองใช้ผลิตภัณฑ์

ถึงจะดังในสื่อออนไลน์ แต่สื่อออฟไลน์ก็ยังจำเป็นเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ผ่านการเป็นคอลัมนิสต์นิตยสารผู้หญิงประมาณ 3 เล่ม กับพ็อกเกตบุ๊ก รวมทั้งขยายสื่อใหม่ๆ ทุกรูปแบบ เช่น การนำเอาเทปรีรันของรายการใน spokedark ไปฉายซ้ำในทีวีดาวเทียมอื่นๆ และบนรถปรับอากาศ

“เราเลือกรายการที่ต้องใช้เวลานานๆ เพราะคิดว่าคนนั่งอยู่บนรถนานจะเบื่อ แล้วรายการที่เราเอาไปลงก็เป็นรายการที่ดูได้เรื่อยๆ ทำให้คนอื่นที่ไม่เคยดูรู้จักเรามากขึ้น ถ้าหากว่าอยากดูต่อก็ดูผ่านสมาร์ทโฟนได้ด้วย เราทำแพลตเฟอร์มรองรับไว้ด้วย” นี่คือสิ่งที่ณัฐพงศ์คาดหวังเอาไว้ 

เมื่อช่องทางทั้งหมดแข็งแรงเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรวมตัวของ “แฟนคลับ” ที่มีพลังมากได้รวมตัวกันจัดงานอีเวนต์ Meet and Greet ให้กับโมเม โดย spokdark ทำหน้าที่แค่ประสานงานให้โมเมเดินทางไปร่วมงาน นอกจากเราจะได้เนื้อหาจากการเก็บภาพบรรยากาศมานำเสนอในรายการ และทำให้เรารับรู้อินไซท์พฤติกรรม และปรับเปลี่ยนรายการได้ทันกับความต้องการเหล่านี้ 

“ผู้หญิงเป็นกลุ่มที่เมื่อรู้ข้อมูลอะไรอย่างหนึ่งแล้วจะแชร์ บอกเพื่อน อย่างพ็อกเกตบุ๊กของโมเมที่สอนเรื่องการแต่งหน้านี่พิมพ์ซ้ำหลายครั้งมาก ผมก็งงว่าหนังสือเล่มหนึ่ง ถ้าเป็นผู้ชายคงยืมเพื่อนแล้วเนียนๆ ยึดเลย แต่ผู้หญิง เขาต้องมีกันคนล่ะเล่ม” อินไซท์ของผู้หญิงนี่เอง ที่ทำให้รายการโมเม พาเพลินหรือว่าบล็อกเกอร์คนอื่นๆ แจ้งเกิดได้รวดเร็ว รวมทั้งถ้าหากว่าติดตามบล็อเกอร์คนไหนแล้วก็จะติดตามอยู่เรื่อยๆ 

 

บล็อกเกอร์ กับโมเดลปั้นเงิน

ตอนนี้รายการโมเม พาเพลิน เป็นรายการที่ทำเงินให้กับ spokedark.tv มากที่สุด ผ่านดีลการขาย 2 แบบ 1.ซื้อช่วงเวลาทั้งรายการ Review/ How to ทั้งคลิปความยาวที่ตกลงกันคือ ไม่ต่ำกว่า 3-5 นาที โดย spokdark จะขึ้นข้อความ Review …..for แล้วตามด้วยชื่อแบรนด์ให้เห็นอย่างชัดเจน 2.ซื้อช่วงเวลา Pre-Roll ก่อนรันเข้ารายการจริงประมาณ 15-30 วินาที ส่วนขั้นตอนการดีลกับโมเม เจ้าของสินค้าจะส่งโปรดักต์ที่อยากนำเสนอมาให้กับโมเมทดลองใช้ พร้อมข้อมูลผลิตภัณฑ์ ถ้าหากว่าโมเมทดลองใช้แล้วและรู้สึกว่าชอบ ทางทีมงานจึงส่งราคาไปให้กับเจ้าของสินค้า และถ้าตกลงกันได้จึงเริ่มต้นถ่ายทำ  

“เราเองที่มาทำอินเทอร์เน็ตทีวี เราทำเพราะเราคิดว่าเราต้องเติบโต ดังนั้นเราทุ่ม Resouce ไปกับมัน เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันคือ Professional ไม่ว่จะเป็นโปรดักชั่น เรามีทีมกล้อง ทีมไฟ ทีมตัด มันเป็นบิสสิเนส ไม่ใช่แค่ถ่ายด้วยกล้องตัวเดียวอยู่หน้าคอมฯ ช่วงแรกที่ปีแรกเรายังไม่มีลูกค้า ไม่ใช่ว่าเราชอบที่เป็นแบบนั้น แต่การที่มันเป็นของใหม่ก็ต้องใช้เวลาก่อร่างสร้างตัว สร้างเครดิตของตัวเอง สร้าง Fan Base เราก็ทำเพื่อวันหนึ่งมันจะมา ทีนี้พอมันมาก็อยู่ที่นโยบาย ว่าเราจะดีลกับลูกค้าอย่างไรให้มันยั่งยืน ที่อ่านในพันทิป บางคนมากระแนะกระแหน ว่าเดี๋ยวนี้โมเมก็มีสปอนเซอร์ ก็ใช่ไง นี่ไม่ใช่งานอดิเรกของเรามาตั้งแต่ทีแรก เราก็ต้องมี Business Plan ที่เหลือมันก็เป็นเรื่องของรสนิยมของเรา มันต้องอยู่ตรงกลางระหว่างเป็นอาร์ตติสกินน้ำค้างกับการทำธุรกิจ” โรซี่กล่าว

 

ไม่ต้องเนียนบอกตรงๆ ไปเลย 

ส่วนการใส่โฆษณาในการทดสอบสินค้าแบบเนียนๆ ณัฐพงศ์และโรซี่บอกว่า “เราไม่เคยเชื่อว่ามันจะมีการขายแบบเนียนๆ เพราะยังไงมันก็ไม่เนียน วิธีการของเราคือการบอกกับผู้ชมตรงๆ ไปเลย เราก็ไม่ใช่เห็นแก่เงินจนรับๆ มาหมด แต่เราก็ต้องกินต้องใช้ บล็กเกอร์ก็ต้องสร้างมาตรฐานของตัวเอง ถ้าแข็งพอ ก็อยู่ไปได้เรื่อยๆ คนในเน็ต รู้ๆ กันอยู่ว่าถ้าเขาไม่เชื่อ มันอยู่ได้แค่แป๊บเดียว การที่มีคนพูดว่าพอเอเยนซี่เข้ามาแล้วสั่งซ้ายหันขวาหันได้ มันไม่จริงหรอก เราอยากได้เงินนะ เราชอบเงิน แต่เราอยากได้เงินนานๆ” 

สำหรับรายการโมเม พาเพลิน เทปที่มีผู้ชมมากที่สุดของรายการโมเม พาเพลิน คือ 1.การแต่งหน้าแบบ Daily Life 2.การแต่งหน้าตามตัวละครหรือดาราดังในช่วงเวลานั้นๆ เช่น แต่งหน้าตายเรยา แต่งหน้าแบบเลดี้ กาก้า 3.Favorite of the Month ซึ่งโมเมจะเลือกเอาสินค้าที่ตัวเองชอบเป็นการส่วนตัวมาพูด ในส่วนนี้จะไม่มีการขายเวลาใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนในรายการช่วงเวลาที่มีผู้ชมคลิกย้อนกลับไปกลับมามากที่สุด ก็เช่น ช็อตที่โมเมสอนปัดมาสคาร่า หรือช็อตที่สอนม้วมผม ผู้ชมก็จะดูกลับไปกลับมาเพื่อชมเทคนิค

นอกเหนือจากรายได้ที่มากับผู้สนับสนุนรายการแล้ว โมเมยังกลายเป็นบิวตี้ กูรู ที่สร้างอาชีพด้านอื่น มีเจ้าของแบรนด์อย่างรายที่เชิญ โมเม ไปเป็นครูสอนแต่งหน้า ทำผม เพื่อเสริมบุคลิกให้กับพนักงานในองค์กร หรือเดินสายบรรยาย ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เป็นตัวอย่างของการทำเงินจากอาชีพ บิวตี้ บล็อเกอร์

 

ป้าเมาท์ ครูสอนแต่งหน้าตัวจริง

พื้นเพของ โมเม-นภัสสร บูรณศิริ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า โมเม-นภัสสร เข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะ ศิลปินค่ายอาร์เอส การที่โมเมเข้าวงการตั้งแต่ยังเด็ก ก็ทำให้ผ่านประสบการณ์แต่งหน้า และผ่านงานในวงการบันเทิงหลายอย่าง ที่สำคัญคือการเป็นทายาทของ สุดา ชื่นบาน ซึ่งเป็นศิลปินในยุคที่ต้องแต่งหน้า ทำผม ไปจนกระทั่งตัดชุดเอง โมเมจึงถูกสอนเรื่องเหล่านี้มาด้วย จึงมีทักษะการแต่งหน้า ทำผมด้วยตัวเอง จนบางครั้งป้าเมาท์ก็โผล่มาแจมรายการสอนแต่งหน้ากับลูกสาว กลายเป็น “สุดา พาเพลิน” ซึ่งเป็นรายการที่ขยายฐานผู้ชมของช่อง spokedark ออกไปอีก รุ่นแม่ รุ่นยายที่คิดถึงก็สั่งให้ลูกเปิดให้ดู 

 

บล็อกเกอร์คนนี้สื่อเยอะ

– รายการ โมเม พาเพลิน ทาง spokedark.tv

– คอลัมนิสต์ในแมกกาซีนผู้หญิง 3 เล่ม

– Social Media เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ พันทิปห้องโต๊ะเครื่องแป้ง

– เทปรีรันผ่านทางเคเบิทีวี, ทีวีดาวเทียมช่องอื่นๆ และบนรถปรับอากาศ 

– งานอีเวนต์, การบรรยายด้านความงาม