อย่างที่รู้กันทั่วโลกว่าเป้าหมายของซัมซุงได้ก้าวข้ามคู่แข่งมาแล้วหลายแบรนด์ ถ้าเปรียบกับการเล่นเกมก็ทำคะแนนมาจนระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทั้งการชนะโนเกีย เอชทีซี แบล็คเบอร์รี่ เหลือแค่ยังไม่ชนะ “ไอโฟน” ในระดับไฮเอนด์
สำหรับ “ไอโฟน” หากเทียบกับจำนวนยอดขายแล้ว ไอโฟนสู้ซัมซุงทั้งหมดไม่ได้ เพราะซัมซุงขายสินค้าแบบเก็บทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ระดับไม่เกิน 5 พันบาท ถึงแพงเกิน 2 หมื่นบาท จนมีส่วนแบ่งตลาดโลกในแง่จำนวนยอดขายเครื่องสูงกว่า โดยในไตรมาส 1 ปี 2012 ซัมซุงมีส่วนแบ่ง 29.1% ส่วนไอโฟนมี 24.2% แต่หากวัดเฉพาะสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ ระดับ 2 หมื่นบาทขึ้นไป ยอดขายในตระกูล “กาแล็คซี่ เอส” ของซัมซุงยังไม่เทียบเท่าไอโฟน
อย่างในเมืองไทย หากวัดตั้งแต่ “กาแล็คซี่ เอส 2” ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2011 ยอดขายที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทั้ง 3 ราย คือทรูมูฟ เอไอเอส และดีแทค เปิดเผยคือทำยอดขายได้บริษัทละประมาณ 1-2 หมื่นเครื่องเท่านั้น และถึงแม้ว่าซัมซุงจะบอกว่าได้ยอดหลักแสนตั้งแต่กาแล็คซี่ เอส 1 และ กาแล็คซี่ เอส 2 ได้ยอดเพิ่มเท่าตัว แต่ก็ยังแพ้ “ไอโฟน” ที่ทั้ง 3 บริษัททำยอดขายรวมกันทะลุกว่า 2 แสนเครื่องในแต่ละปี
สำหรับ “กาแล็คซี่ เอส 3” แม้จะทำลายสถิติในตลาดโลก โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป ที่ซัมซุงประกาศว่าทำยอดจองได้ 9 ล้านเครื่อง ภายใน 15 วัน แต่ในเมืองไทยยังไม่มีสถิติให้บันทึก
จากการเปิดจองผ่านเว็บไซต์ของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทั้ง 3 รายในช่วง 1 สัปดาห์ แหล่งข่าวจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายหนึ่งระบุว่ามีผู้สนใจจองประมาณ 5,000 เครื่อง ขณะที่ไอโฟน 4S มียอดเฉลี่ยเกือบ 1 หมื่นเครื่อง และในวันรับเครื่องวันแรกจัดให้ลูกค้าเพียงประมาณ 200 เครื่อง ส่วนไอโฟน 4S เฉลี่ยส่งมอบเครื่องให้ลูกได้ได้ทะลุหลักพันเครื่อง
นี่คือพลังของแบรนด์ในการสร้างความคลั่งไคล้ให้สาวกซื้อโดยไม่มีคำอธิบาย ของ “ไอโฟน”
และยิ่งตอกย้ำเมื่อมีการจัดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูง ประจำปี 2012 (Most Valuable Global Brands 2012) จากผลการศึกษา BrandZ ของ MillwardBrown ปรากฏว่าแอปเปิลยังคงแชมป์อยู่ในอันดับ 1 ด้วยมูลค่า 182,951 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนซัมซุงอยู่ในอันดับ 55 ด้วยมูลค่า 14,164 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่มีสัญญาณดีขึ้นสำหรับซัมซุงคือ มูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น16% ไต่อันดับมา 12 ขั้น
“โอกาสของกาแล็คซี่ เอส 3 ยังมี จากการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายที่ว่า หากสนใจสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ก็ต้องพิจารณาซัมซุง” นี่คือเหตุลที่ทำให้ “กิตติณัฐ ทีคะวรรณ” รองผู้อำนวยการสายงานการตลาดเชิงพาณิชย์และบริหารงานขาย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่า ทรูฯจึงทำตลาดร่วมกับซัมซุงอย่างต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนต์ของสมาร์ทโฟน
ทั้งนี้ยอดขายสมาร์ทโฟนติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2554 มียอดขาย 2.1 ล้านเครื่อง เติบโตจากปี 2553 ประมาณ 120% และในปี 2555 คาดว่าจะเติบโต 100% หรือมียอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 4.5 ล้านเครื่อง ซึ่งแอนดรอยด์จะมีการเติบโตสูงสุด และในกลุ่มแอนดรอยด์นี้ มีซัมซุงที่ได้ส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด
“โจทย์ต่อไปของซัมซุงคือแบรนด์” เป็นความเห็นของ “ปภาพรต ภู่ประเสริฐ” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจอุปกรณ์สื่อสาร บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค
เหตุผลที่คนซื้อซัมซุง เพราะ Value For money หรือตรงๆ คือราคาไม่แพง ต่อไปหาก “กาแล็คซี่ เอส 3” ทำให้ผู้บริโภคซื้อเพราะชอบ โดยไม่ได้สนใจเรื่องราคา ก็เท่ากับว่าเทียบชั้นไอโฟนได้
หากวัดการออกแรงของค่ายมือถืออย่างทรูมูฟ เอช ในกลุ่มทรูฯ และดีแทค เพื่อช่วยขาย “กาแล็คซี่ เอส 3” นั้น ถือว่าทั้งทรูมูฟ เอชและดีแทคออกแรงน้อยเมื่อเทียบกับเอไอเอสที่ทุ่มเต็มที่ เป็นคำตอบชัดเจนว่าทั้งทรูมูฟ เอชและดีแทคขอทุ่มงบกับไอโฟนมากกว่า เพราะทุกวันนี้ ไอโฟน 4S ยังขายได้ต่อเนื่อง และหากจะทุ่มก็ขอเต็มที่กับไอโฟนรุ่นต่อไปที่คาดว่าเปิดตัวในสิ้นปีนี้ตามการคาดการณ์ของต่างประเทศดีกว่า
“การทุ่มการทำตลาดสำหรับกาแล็คซี่ เอส 3 ยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่เราทำให้กับไอโฟน” ผู้บริหารค่ายมือถือรายหนึ่งเปิดเผย
สำหรับเอไอเอสแล้วชัดเจนว่า เอไอเอสต้องการเน้นตำแหน่งทางการตลาดให้ชัดกว่าคู่แข่งว่าเป็นค่ายมือถือที่ต้องการบอกผู้บริโภคว่าหากอยากได้แอนดรอยด์ ซัมซุงก็นึกถึงเอไอเอส เหมือนกับที่หลายคนเมื่อนึกถึงไอโฟน จะนึกถึงทรูมูฟก่อน
“ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส บอกว่า เอไอเอสเน้นทั้งไอโฟน และแอนดรอยด์ ซัมซุง เพียงแต่กระแสขณะนี้กาแล็คซี่ เอส 3 เป็นสมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ที่กำลังได้รับความนิยมที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง มีกระแสตอบรับทั่วโลกดี จึงจัดเต็มการตลาดแบบ Full Campaign ทั้ง Communication ที่รวมทั้งการลงทุนทีวีซี และ Promotion E magazine มูลค่ากว่า 23,000 บาท
แต่แรงจากเอไอเอสเพียง 1 เดียว คงสู้ไอโฟนที่ทั้ง 3 ค่ายมือถือทุ่มเต็มที่ไม่ได้ อย่างการทำตลาดไอโฟนในประเทศไทยล่าสุด ไอโฟน 4S ในเวลาประมาณ 1-1 เดือนครึ่ง ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือใช้งบโฆษณารายละประมาณ 20 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์ไหนเน้นไปที่สื่อไหน อย่างทรูมูฟก็หนักไปที่ฟรีทีวี และทรูวิชั่นส์ เอไอเอส ฟรีทีวี ส่วนดีแทคใช้ในโรงหนังมาก หนังยาวประมาณ 30-45 วินาที และกำหนดให้มีโลโก้ของแบรนด์ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือนานแค่ 2 วินาที ที่เหลือคือแบรนด์ไอโฟนที่ได้ไปเต็มๆ
และนี่เองที่ทำให้ซัมซุงต้องออกแรงเองอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้ระยะห่างกับแบรนด์ไอโฟนลดลงให้ได้
cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>
VS ซัมซุง
style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>รายละเอียด
style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ไอโฟน
style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ซัมซุง
ระบุจำนวนของจำกัด สั่งจอง เข้าคิว
และคิวไม่ยาว
กระบวนการสื่อสารสไตล์แอปเปิล
กำหนดแม้กระทั่งโลโก้ของค่ายมือถือห้ามโชว์นานเกิน 2 วินาที
แต่ค่ายมือถือสามารถปรับใหม่ได้ เหมือนอย่างกาแล็คซี่ เอส 3
ที่เอไอเอสมีคริส หอหวังเป็นพรีเซ็นเตอร์ และเน้นจุดขายอีบุ๊ก
ที่เป็นสินค้าหรูหรา บอกสถานะ
ดักต์ในโฆษณาที่สื่อต่างชาตินำเสนอ
เห็นโปรดักต์ 27 วินาที
วินาที เห็นโปรดักต์ 10 วินาที
cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>
และยอดขายทั่วโลก
style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>แบรนด์
style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ไตรมาส1
ปี 2011
ส่วนแบ่งตลาด
style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ไตรมาส1
ปี 2011
ยอดขาย (ล้านเครื่อง)
style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ไตรมาส1
ปี 2012
ส่วนแบ่งตลาด
style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ไตรมาส1
ปี 2012
ยอดขาย (ล้านเครื่อง)
ไอดีซี