โลกใหม่ของธุรกิจแห่งความบันเทิงเกิดขึ้นแล้ว คำว่า “อย่าพลาด” หรือ “อย่าเปลี่ยนช่องไปไหน” และ “ไพรม์ไทม์” หมดความหมาย เพราะผู้บริโภคพันธุ์ใหม่จะเลือกดูรายการทีวีในแบบที่เรียกว่าต้องได้ดูเมื่อไหร่ ที่ไหน ผ่านจอใดก็ได้ ในรูปแบบชีวิตที่เรียกกันว่า Multi screen
ปรากฏการณ์การดูรายการทีวีของผู้บริโภคปัจจุบัน เป็นภาพคนละม้วนกับ 5 ปีที่แล้ว ที่ไม่ใช่แค่ฟรีทีวี เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียมเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ผู้คนเท่านั้น แต่อินเทอร์เน็ตทีวีกำลังเร่งตัวเข้าสู่วิถีชีวิตของผู้บริโภคอย่างเต็มตัว แม้กลุ่มนี้ยังไม่ใช่จำนวนมหาศาล แต่ก็เป็น Niche ที่มีกำลังซื้อ
พัฒนาการของเทคโนโลยีการดูทีวี ได้ผ่านการชมที่ผู้ชมต้องติดเสาอากาศ อย่างที่เรียกกันว่าเสาก้างปลา ที่ชีวิตคนคุ้นเคยอยู่แค่ฟรีทีวีอย่างช่อง 3, 5, 7, 9 จนมาสู่ยุคจานดาวเทียม และสายเคเบิลเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เกิดทีวีมีช่องมากขึ้น โดยเฉพาะรายการจากต่างประเทศ และระบบบอกรับเป็นสมาชิกหรือเคเบิลทีวี ที่ผู้ชมยอมจ่ายค่าบริการรายเดือน และกว่า 5 ปีที่ผ่านมาทีวีดาวเทียมชมฟรีก็เกิดขึ้นอย่างคึกคัก โดยผู้ชมเพียงแต่มีเงินติดตั้งจานดาวเทียม และซื้อกล่องแปลงสัญญาณเข้ากับเครื่องรับทีวีเท่านั้น รายการจำนวนนับร้อยช่องก็มาถึงบ้าน
เทคโนโลยีของทีวีที่หลากหลาย จากข้อมูล Thailand NMR Media Index ทำให้มีผู้ชมรายการทีวีอยู่ 52.90 ล้านคน ในปี 2551 เพิ่มเป็นกว่า 54 ฃ้านคนในปี 2554 โดยสามารถแบ่งเซ็กเมนต์เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ1.ไฮเอนด์ ที่พร้อมจ่ายค่าสมาชิกระดับพันบาทขึ้นไป 2.กลุ่ม Mass ที่ขอดูฟรี ช่องเยอะ และ 3.กลุ่มกลาง ที่พึงพอใจจ่ายแค่ 300-500 บาทเท่านั้น
แต่ความบันเทิงยังไม่จบเท่านี้ เมื่อเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตพัฒนา ทั้งแบบสายและไร้สายอย่าง 3G สื่อสารได้ไฮสปีดมากขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่ใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยกิจกรรมระหว่างออนไลน์ที่นิยมกันมากคือดูรายการทีวี คลิปวิดีโอ ยูทูบ หนังสั้นหรือแม้แต่หนังยาว ผ่านทุกจอที่อยู่ในมือไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน จอทีวี คอมพิวเตอร์ ที่สำคัญอย่างที่ “วิทวัส ชัยปาณี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทครีเอทีฟจูซ จีวัน จำกัด บอกว่า คนรุ่นใหม่ดูเมื่ออยากดู ไม่ใช่ดูเพราะได้เวลาออกอากาศ หรือตามเวลาไพรม์ไทม์ ซึ่งไพรม์ไทม์จะไม่มีความหมายสำหรับกลุ่มนี้
กลายเป็นผู้ชมพันธุ์ใหม่ ที่ส่วนใหญ่คือวัยรุ่น คนทำงานรุ่นใหม่ และแน่นอนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และซื้ออย่างเต็มกำลังในแต่ละครั้งที่ช้อป
นี่คือโลกใหม่ของธุรกิจบันเทิง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนที่โครงการทีวีดิจิตอล จะเกิดขึ้นสมบูรณ์ในอนาคต ทำให้ขณะนี้นักลงทุนหน้าใหม่กำลังขยับตัวกันอย่างคึกคัก ตั้งแต่กลุ่มผู้ให้บริการเครือข่ายส่งสัญญาณรายการทีวีถึงบ้าน ทั้งทางสายและไร้สาย ที่ว่ากันด้วยเงินลงทุนหลายหมื่นล้านบาท คนขายกล่องบันเทิงที่เห็นโอกาสในการทำธุรกิจต่อยอดจากเครือข่าย คนขายคอนเทนต์ทั้งระดับบิ๊กและหน้าใหม่
ทั้งนี้ระบบออกอากาศฟรีทีวีในปัจจุบันยังคงอยู่ในระบบอนาล็อก ทำให้ผู้ชมผ่านเสาอากาศรับได้ 6 ช่องรายการ คือ 3, 5, 7, 9, 11 และไทยพีบีเอส โดยล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ผลักดันให้เกิดทีวีดิจิตอลตั้งแต่ปี 2558 ดูฟรีทีวีได้กว่า 100 ช่อง ในแง่ผู้ชมแล้ว จะต้องซื้อกล่องเพื่อแปลงสัญญาณเข้าเครื่องรับทีวีปัจจุบัน แต่ในอนาคตผู้ผลิตทีวีจะผลิตทีวีดิจิตอลรองรับได้โดยตรง ซึ่งหลายประเทศในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ต่างเป็นทีวีระบบดิจิตอล โดยใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านนานประมาณ 5-10 ปี
“อุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธอมัสไอเดียจำกัด บอกว่า ระหว่างรอความพร้อมของทีวีดิจิตอล IPTV คือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกับทีวีดิจิตอลมากที่สุด ดังนั้นจะเห็นภาพธุรกิจทีวีในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี หรือแม้แต่ IPTV ต่างก็พยายาม ดึงฐานผู้ชมไว้ให้มากที่สุด
ด้วยพฤติกรรมคนไทยที่คุ้นเคยกับการดูฟรี ทำให้ฐานของทีวีดาวเทียมในกลุ่มแมสที่ติดจานจ่ายครั้งเดียวและดูฟรีเติบโต แต่สำหรับ IPTV แล้ว ยังมีโอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ชัดเจนว่าไม่อยากทำเหมือนอย่างคนรุ่นผู้ใหญ่ทำ การดูทีวีก็เป็นสิ่งสะท้อนพฤติกรรมนี้
นี่คือจังหวะที่ไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยน ธุรกิจขยับตัว และกลายเป็นสิ่งที่นักการตลาดและมีเดีย เอเยนซี่ต้องตามให้ทัน เพื่อให้การใช้เม็ดเงินโฆษณาหลายหมื่นล้านบาทนั้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของตัวเองอย่างคุ้มค่า
การชมทีวีของผู้บริโภคในปัจจุบัน (แบ่งตามเทคโนโลยี)
ชาวอินเทอร์เน็ตทีวี – มีอุปกรณ์ที่ใช้ประจำตัวคือสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก พีซี แท็บเล็ต โดยจะดูทีวี ดูคลิปต่างๆ ผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ที่เชื่อมต่อสายอินเทอร์เน็ต ผ่าน Wi-Fi หรือผ่าน 3G ส่วนทีวีอาจดูบ้างไม่ดูบ้าง กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และในตัวเมือง
ชาวทีวีดาวเทียม – มี 3 กลุ่ม
1.กลุ่มไฮเอนด์ ที่จ่ายค่าสมาชิกรายเดือนสูงกว่า 2,000 บาท คือสมาชิกทรูวิชั่นส์ เพื่อดูรายการจากต่างประเทศ กลุ่มนี้ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ จะจ่ายเพิ่มเพื่อดูรายการผ่านอินเทอร์เน็ต และ 3G ผ่านอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตด้วย
2.กลุ่มกลาง ที่จ่ายค่าสมาชิกเฉลี่ย 300 บาท ที่ตอนนี้มีรายการประเภท กีฬา และหนังมาดึงดูด โดยมีทรูทวิชั่นส์ และแกรมมี่ GMM Z แข่งขันกันอย่างหนัก
3.กลุ่ม Mass ที่ไม่ชอบจ่ายค่าบริการรายเดือน กลุ่มนี้ถือว่ามีมากที่สุดในกลุ่มทีวีดาวเทียม โดยเริ่มจากจานในระบบซีแบนด์ ที่ส่วนใหญ่ต้องการดูฟรีทีวี ที่หนีจากเสาอากาศที่ดูไม่ชัด หรืออยู่นอกพื้นที่สัญญาณ โดยผู้ให้บริการจานและกล่องจะมีบริการดึงดูดมากขึ้น ด้วยช่องรายการจากผู้ผลิตหน้าใหม่ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ทั้งที่มีคุณภาพและไม่มีคุณภาพ จัดสรรมาให้นับร้อยช่อง