ชื่อของ “วิชัย ทองแตง” ในวัย 65 ปี อาจไม่คุ้นสำหรับวงการบันเทิง แต่สำหรับวงการการเมืองและนักลงทุนแล้ว ชื่อนี้เป็นที่จดจำ เพราะเขาคืออดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีซุกหุ้น เมื่อปี พ.ศ. 2544 จนทำให้ “ทักษิณ” รอดพ้น ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยความผิดแค่ “บกพร่องโดยสุจริต” และเป็นคดีสุดท้ายที่เขาเป็นทนายให้
เป็นนักลงทุนเริ่มเติบโตจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ยังเป็นทนายความ ชื่อของ “วิชัย” กลายเป็นนักเป็นนักเทกโอเวอร์ โดยปี 2546 เขากลายเป็นเจ้าของธุรกิจเครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล และปี 2553 สวอปหุ้กับกลุ่ม นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ จนติดอันดับเศรษฐีหุ้นในเมืองไทยอันดับที่ 4 ด้วยมูลค่าหุ้น 11,804 ล้านบาท ตามการจัดอันดับของวารสารการเงิน การธนาคารในปี 2554
สำหรับการลงทุนในธุรกิจทีวีรอบนี้ ที่เขาไม่ถนัด แต่มาด้วยแรงชักชวนจากญาติที่เป็นน้าของภรรยา ที่ทำธุรกิจเคเบิลทีวีอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร แต่ “วิชัย” ก็เข้ามาเป็นแกนหลัก และอยู่ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทเคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช ซึ่งหลังจากมีที่ปรึกษาวางโมเดลธุรกิจ และหาพันธมิตรแล้ว ก็มั่นใจว่าผลตอบมาแทนจะเป็นแบบ High Return
หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เขาทำเผื่อฐานคะแนนของอดีตลูกความของเขาหรือไม่
“วิชัย” บอกว่าทุกวันนี้แม้เขาไม่ได้ติดต่อกับ “ทักษิณ” แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะมีภาพติดอยู่ เพราะในความเป็นจริงเขาคือเพื่อนกับ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” สามีของ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือในฐานะที่เป็นน้องเขยของ “ทักษิณ” นั่นเอง
“วิชัย” กับ “สมชาย” เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2509 สนิทกันด้วยความที่ต่างคนต่างเป็นเด็กต่างจังหวัด โดยวิชัย มาจาก อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ส่วนสมชายมาจาก อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาความสัมพันธ์ไม่เคยห่างกัน แม้กระทั่งวันเปิดตัวธุรกิจซีทีเอช “สมชาย” ก็ยังมาร่วมงาน
สำหรับเขาแล้วจะเกี่ยวพันกับการเมืองหรือไม่นั้น คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ แต่สิ่งที่เขายืนยันคือหลักการลงทุนของเขาที่ทำให้อดีตทนายความกลายเป็นมหาเศรษฐีได้นั้น ไม่ใช่แค่ High Risk Hig Return แต่ต้องคิดแบบ Low Risk High Return