หากพูดถึงชื่อ Gojek เชื่อว่าลูกค้าบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ในไทยน่าจะยังพอจำกันได้ เพราะเพิ่งถอนตัวออกจากไทยไปได้ไม่นาน และล่าสุด บริษัทก็ถอนตัวออกจากประเทศ เวียดนาม หลังจากไม่สามารถฟาดฟันกับตลาดที่แข่งขันดุเดือดได้
Gojek สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นรายแรกของอินโดนีเซีย ดูเหมือนจะไปไม่ค่อยรุ่งกับการรุกต่างประเทศสักเท่าไหร่ เพราะล่าสุด บริษัทแม่ได้ตัดสินใจที่จะ ยุติการให้บริการทั้งหมดในตลาดเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นบริการเรียกรถ หรือส่งอาหาร ภายในวันที่ 16 ก.ย. นี้ เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง ปิดฉากการให้บริการนาน 6 ปี
ที่ผ่านมา Gojek มีส่วนแบ่งในตลาดเวียดนามเพียง 3% เท่านั้น ขณะที่คู่แข่งอย่าง Grab สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 47% ตามด้วย Shopee Food ที่มีส่วนแบ่งตลาด 45% ดังนั้น การถอนตัวออกจากเวียดนามนี้ จะช่วยให้ GoTo Group เจ้าของแพลตฟอร์ม Gojek ไปโฟกัสในประเทศหลักที่ยังสามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งก็คือ ตลาดอินโดนีเซีย และสิงคโปร์ 2 ประเทศที่บริษัทยังทำตลาดอยู่
อย่างไรก็ตาม อ้างอิงจากไตรมาส 2 รายได้ของ Gojek ในเวียดนามคิดเป็นสัดส่วน ไม่ถึง 1% ของผลประกอบการ ดังนั้น การถอนตัวออกจากตลาดเวียดนามจึง ไม่ส่งผลกับภาพรวมบริษัท ซึ่งหลักจากที่ Gojek ประกาศถอนตัว หุ้นของ GoTo Group เจ้าของแพลตฟอร์ม Gojek พุ่งขึ้น +1.92% แตะ 53 รูเปียห์ แม้ว่าหุ้นของ GoTo จะพุ่งขึ้น แต่ก็ถือว่ายังคงต่ำกว่าราคา IPO ที่ระดับ 338 รูเปียห์ เป็นอย่างมาก ปัจจุบัน GoTo มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 62.47 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำหรับแพลตฟอร์ม Gojek ได้เข้าไปเปิดตลาดเวียดนามภายในชื่อ Go-Viet ในปี 2018 ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ชื่อ Gojek ในปี 2020 และการถอนตัวออกจากตลาดเวียดนาม ถือเป็น ประเทศที่ 2 ที่ Gojek ถอนตัว โดยประเทศแรกที่ Gojek ยุติการให้บริการก็คือ ประเทศไทย ในปี 2021 โดยขายให้กับ AirAsia Super Apps ซึ่งปัจจุบัน ได้ยุติบริการไปแล้วเช่นกัน
ปัจจุบัน ตลาดบริการเรียกรถโดยสารของเวียดนามคาดว่าจะมีมูลค่า 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 และคาดว่าจะสามารถเติบโตเป็น 2,160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2029