‘ไลน์แมน’ ทุ่ม 300 ล. อัดแคมเปญใหญ่สุดในรอบ 3 ปี หวังโตช่วงโค้งสุดท้าย 25% ย้ำ ไม่ได้ทำสงครามราคา แค่รักษาโมเมนตัม ‘ผู้นำ’

แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรก ตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ (Food Delivery) จะดูนิ่ง ๆ แต่มาช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ทั้งจากความชัดเจนของ Robinhood ที่ได้เจ้าของใหม่ และความดุเดือดของ 2 ผู้เล่นใหญ่อย่าง Grab และ LINE MAN ที่ต่างก็มั่นใจว่าตัวเองคือ ผู้นำ โดยล่าสุด LINE MAN ก็จัดใหญ่ทุ่มงบการตลาดถึง 300 ล้านบาท ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

ตลาดรวมโตกว่าที่คาด แต่ไลน์แมนโตกว่า

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า ภาพรวมตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ไทยคาดว่ามีสัดส่วนประมาณ 15% ของตลาดอาหารทั้งหมด หรือมีมูลค่าราว 1.2 แสนล้านบาท โดยมีโอกาสเติบโตเกือบ +10% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้

อย่างไรก็ตาม ยอดมั่นใจว่า LINE MAN มีอัตราการเติบโตเหนือตลาด และเป็นผู้เล่นที่ เติบโตเร็วสุดในตลาด เนื่องจากความครอบคลุมของพื้นที่ในการให้บริการ และจำนวนร้านอาหารที่ครอบคลุม โดยปัจจุบัน LINE MAN มีไรเดอร์กว่า 1 แสนคน ให้บริการครบ 77 จังหวัด ครอบคลุม 328 อำเภอ เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา และมีร้านค้าในระบบกว่า 7 แสนร้าน มีผู้ใช้กว่า 10 ล้านรายต่อเดือน

“ถ้าเป็นคนกรุงเทพฯ อาจไม่เห็นความแตกต่าง แต่ในต่างจังหวัดเราเป็นเบอร์ 1 เพราะให้บริการคลอบคลุม และจำนวนร้านอาหารเราก็เป็นเบอร์ 1 โดยเฉพาะร้านรายย่อยและสตรีทฟู้ด”

ทุ่ม 300 ล้าน แคมเปญใหญ่สุดในรอบ 3 ปี

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ถือเป็นตลาดที่ Maturity ทำให้ผู้เล่นแต่ละรายไม่ได้ทุ่ม Subsidize เหมือนช่วงเริ่มต้น แต่จากภาวะเศรษฐกิจทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคค่อนข้างระมัดระวังเรื่องการจับจ่าย ทำให้ LINE MAN ได้ทุ่มงบการตลาด 300 ล้านบาท ออกแคมเปญ ถูกสุดทุกวัน พร้อมปรับให้ใช้ส่วนลดได้ 3 ต่อพร้อมกันในออร์เดอร์เดียว โดยไม่ต้อง Scbscibe เพื่อเป็นสมาชิก โดยแคมเปญดังกล่าวถือเป็นแคมเปญใหญ่สุดในรอบ 3 ปี

“ทุกครั้งที่ทำการสำรวจ ประเด็นค่าส่งถูก ราคาอาหารเป็นมิตร ถือเป็นเบอร์ต้น ๆ ที่ลูกค้าให้ความสำคัญ ดังนั้น เราจึงทำแคมเปญนี้ตลอด 3 เดือน แต่ถูกสุดทุกวันไม่ใช่แค่แคมเปญ แต่เป็นจุดยืนของเรา”

นอกจากนี้ LINE MAN ยังดัน Moon มาสคอตของแบรนด์ขึ้นมาเป็น พรีเซ็นเตอร์ รับกระแสมาสคอตมาร์เก็ตติ้งที่กำลังมาแรงเพื่อสร้าง ภาพจำ อีกทั้งยังมีการใช้ดารา อินฟลูเอนเซอร์มาสร้างแรงกระตุ้นในตลาด

วางเป้าโต 25% ช่วงโค้งสุดท้ายของปี

อย่างไรก็ตาม ยอด ย้ำว่า แคมเปญดังกล่าวไม่ใช่การเริ่ม สงครามราคา แต่ LINE MAN อยากจะกระตุ้นตลาดช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่น เพื่อเพิ่มโมเมนตัมการเติบโต และเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ โดยคาดว่าในช่วงแคมเปญดังกล่าว จะช่วยให้ LINE MAN เติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

“ภาพจำของตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ที่ต้อง Subsidize มันจะเปลี่ยนไปแน่นอน เพราะตลาดเริ่มมาชัวร์แล้ว แต่มันก็ต้องมีการแคมเปญเพื่อกระตุ้นตลาดบ้าง ซึ่งที่เราเลือกจัดแคมเปญใหญ่ช่วงไตรมาสสุดท้ายเพราะตอนนี้เรามีความมั่นใจ อยากจะบุกและกระตุ้นตลาดในช่วงหน้าหนาวซึ่งเป็นไฮซีซั่น”

ไม่หวั่นคู่แข่งเก่าคู่แข่งใหม่

กรณีที่ Robinhood ผู้เล่นอีกรายในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ที่ได้เจ้าของใหม่ ทำให้ยังคงโลดแล่นอยู่ในตลาด พร้อมกับข่าวลือว่าอาจมี ผู้เล่นใหม่ เข้ามาในตลาด ยอด มองว่า ไม่ได้กังวล เพราะการแข่งขันในตลาดก็ยังคงมี และมองว่าตลาดฟู้ดเดลิเวรี่ไม่ใช่ตลาดที่จะเข้ามาได้ง่าย ๆ ต้องมีความพร้อมในด้านอินฟราสตรักเจอร์ และเน็ตเวิร์ก อย่างไรก็ตาม ยอด เชื่อว่า ตลาดยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ยังขยายได้ โดยเฉพาะ Coverage ในระดับอำเภอ ซึ่งประเทศไทยมีอำเภอประมาณ 700-800 อำเภอ 

“Robinhood ยังทำตลาดต่อ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนหรือการแข่งขัน ก็ถือว่าผู้บริโภคมีตัวเลือกเพิ่มในตลาด ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มไทยที่เป็นเพื่อนกับเราในวงการนี้”

แผนเข้าตลาดปีหน้ายังเหมือนเดิม

สำหรับแผนการเข้าเตรียมขายหุ้นไอพีโอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2025 ยอด ยืนยันว่า ยังคงเป็นเป้าเดิม แต่ไม่สามารถระบุชัดได้ว่าจะเป็นช่วงไตรมาสใด ในส่วนของการ ทำกำไร ไม่ได้มีความกังวล เพราะยังสามารถทำกำไรจากธุรกิจอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบบริหารจัดการร้านอาหาร ธุรกิจเพย์เมนต์ ซึ่งบาลานซ์กับธุรกิจออนดีมานด์ได้ แม้จะเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดก็ตาม

เป็นเบอร์ 1 หรือไม่ ให้คนกลางพูดแทน

จากกรณีผลสำรวจของ Redseer Strategy Consultants บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจสัญชาติอินเดีย ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับตลาด On-Demand ในประเทศไทยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก LINE MAN Wongnai มีส่วนแบ่งตลาด 44% แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง Grab ที่มีอยู่ 40% ในด้านจำนวนการทำธุรกรรม ขณะที่ Grab เองได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ไม่น่าเชื่อถือ

ซึ่งทาง ยอด ออกมาแสดงความเห็นว่า เพราะทั้ง LINE MAN และคู่แข่ง ต่างก็ มั่นใจในตัวเลขผลประกอบการของบริษัท อย่างไรก็ตาม การจะบอกว่า LINE MAN เป็นเบอร์ 1 คงต้องให้คนกลางเป็นคนพูด แต่ LINE MAN ยังมีความตั้งใจจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ให้ได้ และจากการสำรวจของหลาย ๆ สำนักก็ให้ LINE MAN เป็นเบอร์ 1