เปิดวิสัยทัศน์ “สยามกลการ 2030″ กระจายพอร์ตลงทุน “5 ธุรกิจใหม่” ลดพึ่งพิงยานยนต์

สยามกลการ
“ประกาสิทธิ์ พรประภา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการ จำกัด
“สยามกลการ” ในมือครอบครัว “พรประภา” เปิดวิสัยทัศน์สู่ปี 2030 เร่งกระจายพอร์ตสู่ “5 ธุรกิจใหม่” เพื่อลดการพึ่งพิงอุตสาหกรรมยานยนต์ จับเทรนด์มาแรงลงทุนใน “อสังหาริมทรัพย์” “โรงเรียนนานาชาติ” “เทคโนโลยีสะอาด” ฯลฯ วางเป้าลงทุนธุรกิจใหม่รวม 9,500 ล้านบาทภายใน 3 ปี หวังดันรายได้กลุ่มขึ้นอีก 20%

“ประกาสิทธิ์ พรประภา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการ จำกัด เปิดวิสัยทัศน์ “SMG NEXT: Building Tomorrow, Today” กลุ่มสยามกลการในปี 2030 หรืออีก 6 ปีข้างหน้าจะเพิ่มรายได้จาก 5 ธุรกิจใหม่ “New Ventures” เพื่อกระจายพอร์ตรายได้ให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

โดยปัจจุบันกลุ่มสยามกลการที่ดำเนินธุรกิจมานาน 72 ปีมีธุรกิจในเครือ 69 บริษัท สร้างรายได้เมื่อปี 2566 รวมกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2 แสนล้านบาท รายได้หลัก 80% มาจากธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนที่เหลือ 20% มาจากธุรกิจก่อสร้าง อุตสาหกรรมและเครื่องจักรกล อสังหาริมทรัพย์ ฮอสพิทาลิตี้ และโรงเรียนดนตรี

สยามกลการ
พอร์ตรายได้กลุ่มสยามกลการในปัจจุบัน

เมื่อมองถึงอนาคตแล้วเทรนด์ที่มองว่าจะเป็นพื้นฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและในอาเซียน จะประกอบไปด้วย 6 เทรนด์สำคัญ ได้แก่ การท่องเที่ยว, การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI), การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, ความยั่งยืน, AI และการทำให้เป็นดิจิทัล และสุดท้ายคือ การเติบโตของภาคธุรกิจการศึกษา

ทำให้กลุ่มสยามกลการวางวิสัยทัศน์ที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ไปพร้อมกับการหาโอกาสในธุรกิจใหม่ที่น่าจะเติบโตสูงในอนาคต

 

5 ธุรกิจใหม่ เป้าเพิ่มรายได้ 20%

สำหรับ 5 ธุรกิจใหม่ที่จะมุ่งเน้นลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคตของสยามกลการ ได้แก่

  • Mobility Tech – เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนขนส่ง
  • Hospitality & Education – ฮอสพิทาลิตี้และการศึกษา
  • Real Estate – อสังหาริมทรัพย์ (*เน้นเฉพาะอสังหาฯ เชิงพาณิชย์)
  • Clean Tech – เทคโนโลยีสะอาด
  • Digital & Automation – ดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ

โดยทั้งหมดนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนในธุรกิจใหม่รวม 9,500 ล้านบาทภายใน 3 ปี และตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากปกติขึ้นอีก 20%

เป้าหมายการลงทุนและการเติบโต

ทั้งนี้ มีหลายธุรกิจในกลุ่ม ‘New Ventures’ ที่นับว่าสยามกลการได้เริ่มปักหมุดการลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว เช่น เมื่อเดือนมีนาคม’67 กลุ่มสยามกลการได้เข้าไปร่วมทุนเชิงกลยุทธ์กับ “KIA” แบรนด์รถยนต์จากเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นการเปิดธุรกิจใหม่ๆ ในกลุ่มยานยนต์ จากเป้าหมายของ KIA ที่จะผลักดันยอดขาย 50% ให้มาจากรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV)

ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์​ บริษัทมีการลงทุนอาคารสำนักงาน “สยามปทุมวัน เฮ้าส์” มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท เปิดบริการเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ปัจจุบันมีอัตราการเช่าแล้ว 54% จากพื้นที่เช่ารวม 51,000 ตร.ม.

อาคารสยามปทุมวัน เฮ้าส์

ด้านเทคโนโลยีสะอาด บริษัทมีการเซ็น MOU ร่วมกับบริษัท “SK tes” ที่ทำธุรกิจด้านโซลูชัน-เทคโนโลยีกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แบตเตอรีลิเธียม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทรัพย์สินจากดาต้าเซ็นเตอร์ ฯลฯ เพื่อจะหาโอกาสร่วมกันในการเปิดธุรกิจที่ประเทศไทย

 

ลงทุนโรงแรม โรงเรียนนานาชาติ ดาต้าเซ็นเตอร์

ประกาสิทธิ์กล่าวต่อถึงการลงทุนในอนาคตของบริษัท จะมีการลงทุน 1,500 ล้านบาทในการรีโนเวตอาคารสยามกลการแห่งเดิม (ที่ตั้งบน ถ.พระราม 1 ตรงข้ามสนามกีฬาเทพหัสดิน) เพื่อเปลี่ยนเป็น “โรงแรม” ความสูง 19 ชั้น ล่าสุดมีการเซ็น MOU ใช้เชนบริหารจากเครือ Pan Pacific Hotels Group คาดว่าจะให้บริการได้ในปี 2570

รวมถึงบริษัทจะรุกเข้าธุรกิจการศึกษามากขึ้น ด้วยการเปิด “โรงเรียนนานาชาติ” ที่พัทยา ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ทเนอร์ซึ่งจะเข้ามาบริหารโรงเรียน และจะประกาศรายละเอียดให้ทราบต่อไป

ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ กลุ่มกำลังพิจารณาการลงทุน “ดาต้าเซ็นเตอร์” 2 แห่งในที่ดินภายในนิคมอุตสาหกรรมทั้งใน จ.ชลบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่แห่งละประมาณ 40-50 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างหาพาร์ทเนอร์เพื่อร่วมลงทุนจากต่างประเทศ