เรื่องเล่าเช้านี้ รายการเล่าข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งทำรายได้แซงหน้าละครหลังข่าว ไม่เพียงแต่ชื่อรายการที่ไม่ระบุชัดว่าเป็นรายการข่าว แต่รูปแบบรายการก็ผสมผสานสื่อโฆษณาไว้ในเนื้อหารายการได้เนียนพอ ๆ กับละคร ภาพยนตร์ และมีส่วนผสมที่สร้างรายได้จากโฆษณาและรายได้อื่นอยู่ในทุกช่วงข่าว
เริ่มจาก Product placement อาทิ ถ้วยกาแฟ โน้ตบุ๊ก ฯลฯ และพัฒนามาสู่การ Tie-inหรือการนำสินค้าและบริการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหารายการ เป็นรูปแบบที่หาดูไม่ค่อยได้ในรายการข่าวที่ไหนในโลก แต่เป็นรูปแบบที่คนไทยจำนวนไม่น้อยยอมรับได้ โดยมีผลตอบรับจากเรตติ้งรายการที่สูงและเป็นการสร้างช่วงไพร์มไทม์ใหม่ให้กับวงการโทรทัศน์มาหลายปี
จากตัวอย่างรายการความยาวประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง (172นาที) ของเช้าวันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2555 ลองมาดูกันว่า ผู้บริโภคเสพอะไรกันบ้าง
– 128 เรื่อง จำนวนภาพยนตร์โฆษณา (TVC)
– 45 นาที ช่วงเวลาของการโฆษณาแท้ ๆ แบ่งเป็น 9 ช่วง ๆ ละประมาณ 5 นาที
– 37 โฆษณารายชื่อสินค้าผู้สนับสนุนรายการก่อนเบรกโฆษณา
– 50 ข่าวโดยประมาณ คือจำนวนข่าวทั้งหมดที่นำเสนอในเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงของรายการ หรือ ประมาณ 1 ใน 3 ของโฆษณาทั้งหมดในรายการ (กรณีนี้แยกข่าวน้ำท่วมออกเป็นรายจังหวัดแล้ว)
– 10 ข่าวบันเทิง จาก 2 ช่วงข่าวในส่วนของครอบครัวบันเทิง
– 10 ข่าวกีฬาทั้งในและต่างประเทศจากช่วงข่าวกีฬา
– 6 ข่าวต่างประเทศในเวลา 1 ช่วงข่าว
– 6 ช่วงการเล่าข่าว จากรายการที่แบ่งออกเป็น 10 ช่วง เป็นช่วงของการเสนอข่าวชาวบ้าน ข่าวที่กำลังเป็นที่สนใจ และข่าวการเมือง
– 8 ใน 10 ช่วงเล่าข่าวเริ่มต้นด้วย Tie-in พร้อมแจกของที่ระลึกจากผู้สนับสนุนรายการ นอกเหนือจากการแจกเสื้อ “แฟนข่าว” ของรายการ เพื่อโปรโมทการกด likeในเว็บไซต์
Tie-in เนียนๆ แค่ครึ่งล้าน
– 200,000 บาทต่อนาที ค่าโฆษณามาตรฐานที่กำหนดไว้ของรายการที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ (1 กรกฎาคม 2554)
– 300,000 บาท ค่าแพ็คเกจโฆษณาสำหรับสินค้าที่ต้องการ Tie-in หรือพูดเป็นเหมือนการเล่าหรือแจ้งข่าวเป็นส่วนหนึ่งในรายการ
– 500,000 บาท ค่าแพ็คเกจโฆษณาโดยประมาณสำหรับสินค้าที่ต้องการนำผลิตภัณฑ์เข้ามาร่วมหรือจัดดิสเพลย์ในรายการ