หลายคนน่าจะเห็นกระแส มัทฉะ ฟีเวอร์ในไทยมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว โดยเฉพาะเทรนด์การซื้อ ผงมัทฉะ มาชงดื่มเองที่บ้าน จนทำให้มัทฉะขาดตลาดในไทยเลยทีเดียว แน่นอนว่าประเทศต้นตำรับอย่าง ญี่ปุ่น ก็เห็นความต้องการดังกล่าว จึงเตรียมสนับสนุนเกษตรกรเต็มที่
ในช่วงเดือนธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา ปริมาณการค้นหาคำว่า มัทฉะ (Matcha) บน Google ของไทยพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 20 ปี เลยทีเดียว ซึ่งเทรนด์การดื่มมัทฉะก็ไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้น แต่ได้รับความนิยมในหลากหลายประเทศโดยเฉพาะในฝั่งตะวันตก
เพราะเจ้าผงชาเขียวเข้มข้นที่ถูกบดละเอียดจากใบชาคุณภาพดีนั้นมีกาเฟอีนสูง ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าคล้ายกับการดื่มกาแฟ แต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า และความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าตลาดมัทฉะทั่วโลก จะเติบโตเป็นประมาณ 173,000 ล้านบาท ภายในปี 2028
ด้วยเหตุนี้เอง รัฐบาลญี่ปุ่นกําลังพิจารณามาตรการ จัดสรรเงินอุดหนุน เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรผู้ปลูกชาเขียว เปลี่ยนการผลิต จาก เซนฉะ (Sencha) หรือการ นึ่ง นวด และตากใบ มาเป็นแบบ เทนฉะ (Tencha) ที่สามารถบดเป็นผงมัทฉะที่กำลังเป็นที่นิยมบริโภค เพื่อกระตุ้นการส่งออกชาในปี 2025 นี้
โดยนับตั้งแต่ปี 2009-2023 การส่งออกชาเขียวของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นประมาณ 9 เท่า โดยเป็นประวัติการณ์ที่ 29.2 พันล้านเยน (หรือราว 6,500 ล้านบาท) โดยปัจจัยหลัก ๆ มาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพในตลาด ยุโรปและสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าความนิยมของมัทฉะจะพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก แต่กลายเป็นว่าการผลิตชาของญี่ปุ่น ลดลงมากกว่า 20% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงประชากรในฟาร์มสูงอายุและการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีสําหรับเพาะปลูกชาเขียวที่ ลดลงเกือบ 40% ต่อครัวเรือน
“การผลิตชาที่มีมูลค่าเพิ่มสูงเป็นสิ่งสําคัญ เราจะพัฒนาการปรึกษาหารือของเราเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจร่วมกันในวงกว้าง”