บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้นำทางการค้าปลีกอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์ไอที ทั้งเงินสดและเงินผ่อน เปิดตัวกลยุทธ์ใหม่ทางการตลาด Consumer Centric และเพิ่มบริการหลังการขายเอาใจลูกค้าด้วยบริการใหม่ “Tempo Fone” หรือบริการมือถือสำรองสำหรับผู้ที่นำมือถือมาซ่อมที่ร้าน เจ มาร์ท คาดกลยุทธ์ดังกล่าวจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าเก่าและลูกค้าที่กำลังจะเข้ามาใช้บริการในอนาคต
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา CEC บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าโฆษณาทางโทรทัศน์จะสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และสำหรับบริการมือถือสำรองทางเจ มาร์ท มีบริการเครื่องสำรองถึง 1,000 เครื่องคละรุ่นกันไป ซึ่งจะสามารถรองรับลูกค้าได้อย่างเพียงพอ และเป็นการสร้างความแตกต่างและความมั่นใจให้มีมากกว่าแบรนด์อื่น
นอกจากนี้ เจ มาร์ท จะทำการขยายสาขาจากเดิม 170 สาขาเป็น 180 สาขาในปีหน้าและอีก 40 สาขา เน้นการให้บรากรเป็นหลัก และสิ่งที่ทำควบคู่กันไปคือ การขยายธุรกิจด้านสินเชื่อ Thai Express
ผลประกอบการเจมาร์ท สิ้นปี 2546 ประมาณ 3,600 – 3,700 ล้านบาท โตขึ้นจากเดิม 25% โดยรวมผลกำไรดีกว่าปีที่แล้ว พร้อมทะยานสูงสุดในปี 2004 และการตลาดแบบ CRM ถือเป็นหัวใจหลักของ เจ มาร์ท เพราะเป็นฝ่ายรุกมากกว่าตั้งรับ คาดว่าในปีหน้า เจ มาร์ท จะต้องทำกิจกรรมการตลาดเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
ด้านนายประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ CEO บริษัท แบรนด์ คอนเน็กชั่น เอเจนซี่ผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาให้กับ เจ มาร์ท กล่าวว่า เจ มาร์ท ถือความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคเป็นหลัก เพราะมือถือมีหน้าที่เชื่อมโยงกันและกัน จึงได้มีการเปิดตัวบริการใหม่ “ธำทยน นำ” หรือบริการมือถือสำรอง สำหรับลูกค้าภายใต้เงื่อนไขการรับประกันจากทาง เจ มาร์ท ซึ่งบริการดังกล่าวน่าจะเป็นจุดขายที่ดี ทำให้แบรนด์มีความแข็งแกร่ง จึงได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ขึ้น เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา ใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน้าที่การตลาดมิได้ตอบสนองผู้บริโภคอย่างเดียว แต่ต้องจูงมือและเดินนำผู้บริโภค ต้องมองไปข้างหน้าให้ผู้บริโภคเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงจากคู่แข่ง