พักก่อนอีวี! ‘ฮอนด้า’ เตรียมมุ่งการลงทุนไปที่ ‘รถไฮบริด’ หลังเห็นการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ในปี 2024 ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) มียอดขายทั่วโลกที่ 10.8 ล้านคัน (+13.7%) ส่วนยอดขายรถยนต์ไฮบริด (PHEV) มียอดขายที่ 6.4 ล้านคัน เติบโตถึง 42.2% ทำให้ ฮอนด้า (Honda) มองว่า ควรทุ่มการลงทุนไปที่ PHEV แทน BEV

ล่าสุด โทชิฮิโระ มิเบะ ประธานบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะลดการลงทุนในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ที่วางแผนไว้จนถึงปีธุรกิจ 2030 จาก 10 ล้านล้านเยน เหลือ 7 ล้านล้านเยน เนื่องจากมองว่าความต้องการในรถยนต์ไฟฟ้า 100% กำลังชะลอตัว ดังนั้น บริษัทจึงจะมุ่งเน้นไปที่ รถไฮบริดรุ่นใหม่ ตามความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น

“จากการชะลอตัวของตลาดในปัจจุบัน เราคาดว่ายอดขายรถ BEV ในปี 2030 จะลดลงต่ำกว่า 30% ที่เราตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่ารถ BEV จะมีสัดส่วนเพียงประมาณ 20% ของยอดขายทั้งหมดในตอนนั้น”

ทั้งนี้ ฮอนด้าคาดว่าจะขายรถยนต์ไฮบริดได้ 2.2 – 2.3 ล้านคันภายในปี 2030 โดยบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวรุ่น ไฮบริดรุ่นใหม่อีก 13 รุ่นทั่วโลก ภายใน 4 ปีนับจากปี 2027 นอกจากนี้ยังจะพัฒนาระบบไฮบริดสําหรับรุ่นขนาดใหญ่ซึ่งวางแผนที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังในช่วง 10 ปีจากนี้

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ฮอนด้าประกาศว่าได้ระงับแผนสร้างฐานการผลิตรถอีวีมูลค่า 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในประเทศแคนาดาเป็นเวลาประมาณสองปี เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ฮอนด้ากล่าวว่ายังคงวางแผนที่จะมีรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่และเซลล์เชื้อเพลิงเป็นยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดภายในปี 2040