วีซ่ารายงานยอดผู้ถือบัตรสมัครบริการ Verified by Visa ทะลุ 20 ล้านคนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

กรุงเทพฯ – วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล แบรนด์ชำระเงินดันดับหนึ่งของโลกเปิดเผยวันนี้ว่า จำนวนผู้ถือบัตรวีซ่าที่ได้สมัครใช้บริการ Verified by Visa เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคน จากเพียง 1.4 ล้านคน ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้ถือบัตรที่สมัครใช้บริการดังกล่าวมีการเติบโตสูงสุดในประเทศออสเตรเลีย เกาหลี ไต้หวัน และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Verified by Visa เป็นบริการเพิ่มความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ตด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต โดยปัจจุบันมีธนาคารสมาชิกกว่า 40 แห่งและร้านค้าออนไลน์กว่า 1,000 ร้านใน 9 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย ที่สามารถให้บริการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ตที่ใช้ระบบคุ้มครองความปลอดภัยโดย Verified by Visa

ประทศไทยเริ่มให้บริการ Verified by Visa เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปัจจุบันมีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารเอเชีย บริษัทบัตรกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา ที่เสนอบรอการ Verified by Visa แก่ผู้ถือบัตรวีซ่ากว่า 1 ล้านค้น และร้านค้าที่ให้บริการชำระเงินออนไลน์กว่า 500 ร้าน

นายสมบูรณ์ ครบธีรนันท์ ผู้จัดการวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำประเทศไทย และอินโดจีน กล่าวว่า “วีซ่าได้รับการสนับสนุนและเสียงตอบรับที่ดีจากธนาคารที่เข้าร่วม ทำให้สามารถเปิดตัวบริการ Verified by Visa ได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ปัจจุบันวีซ่ากำลังร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เพื่อขยายบริการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ตผ่านระบบคุ้มครองความปลอดภัย Verified by Visa ให้แก่ผู้ถือบัตรวีซ่า และร้านค้าต่างๆ ต่อไป ท่ามกลางกระแสนิยมของการซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย”

Verified by Visa เปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกในปี 2545 เพื่อให้การปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตรเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่งด้วยการใส่รหัสส่วนตัว (Password) ขณะที่มีการสั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันมีร้านค้าออนไลน์ที่สามารถให้บรากร Verified by Visa กว่า 1,000 ร้าน ซึ่งครอบคลุมประเภทสินค้า และบริการที่หลากหลาย อาทิเช่น หนังสือ บริการด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม เครื่องใช้ไฟฟ้า บรากรจากภาครัฐ และผลิตภัณพ์เพื่อสุขภาพและความงาม เป็นต้น

Verified by Visa ช่วยลดข้อขัดแย้งต่างๆ ในการทำธุรกรรมออนไลน์

ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์จาก Verified by Visa ร้านค้าและสถาบันการเงินต่างๆ ก็ยังได้รับประโยชน์เช่นกัน ตัวเลขทางสถิติตั้งแต่เดือนเมษายน 2546 แสดงให้เห็นว่าจำนวนข้อขัดแย้งและปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินด้วยบัตรวีซ่าลดลงถึง 50% ซึ่งสามารถช่วยลดความสูญเสียที่เกิดจากการลักลอบใช้บัตรเครดิตโดยไม่ได้รับอนุญาตและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการข้อขัดแย้งต่างๆ อีกด้วย นอกจากนี้ร้านค้าที่สามารถให้บริการ Verified by Visa ยังได้การรับประกันการชำระเงินที่แน่นอนหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับการทำธุรกรรมออนไลน์ที่พบได้บ่อยครั้ง เช่น ในกรณีที่ผู้ถือบัตรปฏิเสธการทำรายการซื้อสินค้า เป็นต้น

ในปัจจุบัน ยอดขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกเพิ่มขึ้นถึง 75% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ผลสำรวจจากเอซี เนลสัน ยังพบว่าวีซ่าเป็นเครื่องมือในการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ตที่ผู้บริโภคนิยมมากกว่าวิธีการอื่นๆ โดยกว่า 40% ของการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ตจะชำระผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต วีซ่า

Verified by Visa ใช้เทคโนโลยีชำระเงินที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกที่เรียกว่า 3D Secure ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ทำรายการซื้อสินค้าว่าเป็นเจ้าของบัตรที่ถูกต้องหรือไม่ โดยการใส่รหัสผ่านส่วนตัว หรือการใช้ชิปการ์ด เมื่อผู้ถือบัตรจะซื้อสินค้าทางร้านค้าออนไลน์ที่ให้บริการ Verified by Visa ผู้ถือบัตรต้องป้อนรหัสฝ่านส่วนตัวในลักษณะเดียวกับการใส่รหัสเอทีเอ็ม ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจเสมือนว่าผู้ถือบัตรกำลังซื้อสินค้านั้นๆ จากร้านค้าทั่วไปนั่นเอง Verified by Visa มอบระบบการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัยไม่ว่าผู้บริโภคจะอยู่ที่ใด หรือซื้อสินค้าผ่านเครื่องมือชนิดใดก็ตาม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Verified by Visa และรายชื่อของสถาบันการเงินและร้านค้าออนไลน์ที่ให้บริการ Verified by Visa ได้ที่ www.visa-asia.com/verified