รายละเอียดเบื้องต้น
เป้าหมายหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศก็คือ การช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากข้อมูล โดยเสียค่าใช้จ่ายโดยรวมน้อยที่สุด และด้วยพัฒนาการก้าวสำคัญของสตอเรจ นั่นคือ การจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูล (Information Lifecycle Management) ทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศบรรลุตามเป้าหมายดังกล่าว โดยอาศัยความสามารถในการเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคุณประโยชน์ของข้อมูล รวมถึงการจำแนกประเภทข้อมูลตามความสำคัญที่ข้อมูลนั้นๆ มีต่อธุรกิจ และการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศที่จำเป็นในการนำเสนอคุณประโยชน์ดังกล่าวให้กับธุรกิจด้วยวิธีการที่เรียบง่าย มีเสถียรภาพ และประหยัดค่าใช้จ่าย
การเปลี่ยนแปลงในด้านคุณประโยชน์ของข้อมูล
มนุษย์ สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี หรือแม้แต่ธุรกิจ ก็ล้วนมีวงจรชีวิต ซึ่งหมายถึงการพัฒนาตามขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่เกิดจนถึงวัยรุ่น วัยกลางคน และการสิ้นสุด ในปัจจุบัน เรามองว่าข้อมูลก็มีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะวงจรเช่นกัน ซึ่งทำให้คุณประโยชน์ของข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ เมื่อเวลาผ่านไป
ตัวอย่างเช่น ประวัติทางการแพทย์ของคุณจะมีคุณค่าในระดับหนึ่งเมื่อแพทย์ตรวจรักษาคุณในเบื้องต้น และเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปี ข้อมูลนั้นก็อาจมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นถ้าคุณถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินหรือเข้ารับการตรวจร่างกายในภายหลัง ในธุรกิจก็เช่นเดียวกัน คุณประโยชน์ของข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และโดยปกติแล้วจะขึ้นอยู่กับวงจรการดำเนินงานของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมรายชั่วโมงหรือรายวันที่ก่อให้เกิดรายได้ การประมวลผลข้อมูลและการจ่ายค่าจ้างทุกสองสัปดาห์ การปิดบัญชีประจำไตรมาส การยื่นชำระภาษีรายปี หรือกรณีเร่งด่วนที่ไม่คาดคิดมาก่อน เช่น คู่แข่งรายใหม่ การตรวจสอบบัญชี การควบรวมกิจการ หรือภัยธรรมชาติ
ในปัจจุบัน ข้อมูลที่องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องบริหารจัดการและใช้งานมีปริมาณมากมายมหาศาล (หลายร้อยหรือหลายพันเทราไบต์) และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ข้อมูลดังกล่าวจำเป็นต้องจัดเก็บไว้เป็นเวลานาน (อายุการใช้งานยาวนานกว่าเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์สตอเรจ ระบบปฏิบัติการ หรือแอพพลิเคชั่นหนึ่งๆ) ทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณประโยชน์อยู่เป็นประจำ (ซึ่งโดยมากแล้วจะไม่สามารถคาดการณ์ได้) และเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจมากกว่าในอดีต และในขณะเดียวกัน ก็มีกฎระเบียบใหม่ๆ ที่ใช้ควบคุมระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตและอีเมลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ รวมถึงความสะดวกรวดเร็วในการเรียกดูข้อมูลดังกล่าว (ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐฯ มีกฎระเบียบเกือบ 10,000 ข้อสำหรับควบคุมการจัดเก็บ ความพร้อมใช้งาน และการกำจัดข้อมูล) เนื่องจากคุณประโยชน์ของข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นประจำ ดังนั้นวิธีการที่ดีก็คือ การย้ายข้อมูลไปยังสื่อสตอเรจแบบออนไลน์ที่ต่างออกไป ซึ่งให้การคุ้มครอง การจำลอง และการกู้คืนข้อมูลในระดับที่เหมาะสม โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
แนวทางใหม่ในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากข้อมูลตลอดอายุการใช้งาน
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากข้อมูลโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องดำเนินกลยุทธ์ใหม่ในการจัดการข้อมูล โดยอาศัยระบบโครงสร้างเครือข่ายสตอเรจแบบอัตโนมัติ รวมทั้งบริการและโซลูชั่นแบบครบวงจร เพื่อให้สามารถรองรับเป้าหมายทางธุรกิจและระดับการให้บริการขององค์กรได้อย่างเต็มที่ การดำเนินการดังกล่าวครอบคลุมถึงการจำแนกประเภทของข้อมูลและแอพพลิเคชั่นตามคุณประโยชน์ที่มีต่อธุรกิจ รวมถึงการกำหนดนโยบายสำหรับการจัดสรรระดับการให้บริการที่ดีที่สุด และการลดค่าใช้จ่าย แนวทางดังกล่าวจะทำให้สามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบโครงสร้างเครือข่ายสตอเรจอัตโนมัติ ตามระดับการให้บริการที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ การจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลจะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถรักษาคุณประโยชน์ของข้อมูลตลอดอายุการใช้งาน และสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงทีต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
เส้นทางสู่การจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูล
แล้วองค์กรต่างๆ จะเริ่มต้นก้าวเดินไปตามเส้นทางสู่การจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลได้อย่างไร?
อันดับแรกก็คือ จะต้องตระหนักว่าการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลไม่ได้เป็นแนวทางที่ต้องปฏิบัติแบบเบ็ดเสร็จครบถ้วนในคราวเดียวกัน หากแต่สามารถค่อยๆ ดำเนินการทีละขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนก็ให้คุณประโยชน์ที่ชัดเจน แนวทางดังกล่าวประกอบสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมที่ลูกค้ามีอยู่ในปัจจุบัน และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
อีเอ็มซีนำเสนอแนวทางการพัฒนาใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ การติดตั้งเครือข่ายสตอเรจอัตโนมัติ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบโครงสร้างสตอเรจ การมุ่งเน้นการปรับปรุงระดับการบริการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการข้อมูล และขั้นตอนสุดท้ายคือ การย้ายไปสู่ระบบการจัดการวงจรการใช้งานที่ครบถ้วน
ในขั้นตอนแรก องค์กรต่างๆ จะต้องขจัดสตอเรจแบบเชื่อมต่อโดยตรง แล้วสร้างเครือข่ายสตอเรจขึ้นมา จากนั้นก็ติดตั้งระบบอัตโนมัติสำหรับแง่มุมสำคัญๆ ของเครือข่ายสตอเรจ เพื่อเพิ่มความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายในการผนวกรวมและควบคุมทรัพยากรสตอเรจ และทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ลูกค้าของอีเอ็มซีหลายรายได้ติดตั้งเครือข่ายสตอเรจอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว และกำลังเริ่มต้นดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ในขั้นตอนที่สอง หรือขั้นตอนการมุ่งเน้นการปรับปรุงระดับการบริการ องค์กรจะต้องแบ่งระดับชั้นสำหรับการให้บริการในระดับต่างๆ ภายในเครือข่ายสตอเรจ และติดตั้งเครื่องมือการจัดการข้อมูลเบื้องต้นที่สามารถย้ายข้อมูลไปยังระดับชั้นที่เหมาะสมเมื่อความต้องการทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป การใช้เครื่องมือดังกล่าวจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินการตามกฎระเบียบต่างๆ ทั้งยังปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งของธุรกิจ
สองขั้นตอนแรกเป็นการวางรากฐานสำหรับคุณประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาราว 2 ปีจึงจะเห็นผลเป็นรูปธรรม นั่นคือ การจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลที่ทำงานแบบอัตโนมัติทั้งหมด ระบบการทำงานแบบครบวงจรนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถปรับใช้นโยบายที่มุ่งเน้นธุรกิจสำหรับระบบโครงสร้างไอทีทั้งระบบซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตหลายราย และสามารถจับคู่แอพพลิเคชั่นเข้ากับระดับบริการที่เหมาะสมได้อย่างทันท่วงที
โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมจากศูนย์กลางเพียงจุดเดียว ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ ระบบการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยระบบดังกล่าวจะสามารถดำเนินการตัดสินใจโดยอัตโนมัติได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย เพื่อให้ข้อมูลพร้อมใช้งานสำหรับแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสมเมื่อถึงเวลาที่จำเป็น โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด และสอดคล้องกับกฎเกณฑ์และนโยบายทางธุรกิจที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า นอกจากนั้น ระบบยังสามารถทำการปรับเปลี่ยนในแบบเรียลไทม์ เมื่อคุณประโยชน์ของข้อมูลเปลี่ยนไป
สามขั้นตอนที่ระบุข้างต้นจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีสามารถพัฒนาทักษะและวิธีการ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการด้านสารสนเทศขององค์กร และสามารถขยายขอบเขตของระบบอัตโนมัติเมื่อมีประสบการณ์ในเชิงปฏิบัติเพิ่มมากขึ้น
แนวทางที่แตกต่างของอีเอ็มซีสำหรับการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลและสตอเรจ
อีเอ็มซีเป็นเพียงบริษัทเดียวในโลกที่มุ่งพัฒนาเครือข่ายสตอเรจอัตโนมัติอย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมถึงการเพิ่มบทบาทของสตอเรจในฐานะองค์ประกอบหลักของระบบโครงสร้างไอทีเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยวิธีการที่เรียบง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย ที่จริงแล้ว วิสัยทัศน์ของอีเอ็มซีก็คือ การสร้างองค์กรที่มีการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลอย่างพร้อมสรรพ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับประโยชน์สูงสุดจากข้อมูลที่มีอยู่ในทุกๆ จุดของวงจรการใช้งาน โดยเสียค่าใช้จ่ายโดยรวมน้อยที่สุด
วิสัยทัศน์นี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์กว่าครึ่งทศวรรษของอีเอ็มซีในฐานะผู้นำด้านการสรรค์สร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวกับสตอเรจ โดยอีเอ็มซีไม่เคยหยุดยั้งที่จะนำเสนอเครื่องมือและโซลูชั่นระบบอัตโนมัติใหม่ๆ ที่ช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อน ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอที
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีเอ็มซีมุ่งเน้นการลงทุนและความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมทั้งหมดไปที่เครือข่ายสตอเรจอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูล เครือข่ายสตอเรจอัตโนมัติเป็นระบบโครงสร้างแบบครบวงจรที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งสำหรับการกำหนดเลเยอร์ต่างๆ ของสตอเรจ รวมถึงระดับการให้บริการ
ในแต่ละไตรมาสที่ผ่านพ้นไป โครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอีเอ็มซีได้เพิ่มเติมขีดความสามารถใหม่ๆ ในการจัดการข้อมูล ทั้งยังเพิ่มความชาญฉลาด ความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติ และการประสานงานอย่างกลมกลืนของระบบโครงสร้างสตอเรจ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าหากปราศจากการลงทุนอย่างเต็มศักยภาพเช่นนี้ การจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลก็คงเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้น
ในปัจจุบัน ไม่มีผู้ผลิตรายใดที่สามารถนำเสนอเทคโนโลยีด้านแพลตฟอร์มเครือข่ายสตอเรจที่พร้อมสรรพได้เทียบเท่าอีเอ็มซี ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อสำหรับ SAN, NAS และ CAS, ซอฟต์แวร์การจัดการสตอเรจแบบครบวงจรและการจัดการข้อมูลอย่างชาญฉลาด หรือบริการและโซลูชั่นของอีเอ็มซีที่สามารถช่วยเหลือลูกค้าในทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การจำแนกประเภทของข้อมูลและการแม็ปแอพพลิเคชั่น ไปจนถึงการติดตั้งและบริการสนับสนุน
ความเชี่ยวชาญด้านระบบโครงสร้างสตอเรจ ซอฟต์แวร์การจัดการสตอเรจ บริการคุณภาพเยี่ยม และเจ้าหน้าที่กว่า 10,000 คนที่ดูแลงานขายและบริการด้านสตอเรจโดยเฉพาะ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อีเอ็มซีมีความได้เปรียบเหนือกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ทั้งหมด สำหรับการพัฒนาสู่ระบบการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูล
กล่าวโดยสรุปก็คือ อีเอ็มซีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บข้อมูล ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูล
ข้อมูลเกี่ยวกับอีเอ็มซี
อีเอ็มซี คือผู้นำแห่งโลกธุรกิจระบบสตอเรจ ที่คิดค้นทั้งระบบ, ซอฟต์แวร์, ระบบเครือข่าย และ การให้บริการต่างๆ ทั้งยังพัฒนาโซลูชั่นระบบเครือข่ายสตอเรจ แบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้หน่วยงานต่างๆทั่วโลกสามารถดึงและใช้ข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ได้ในระดับสูงสุดและใช้ต้นทุนทั้งหมดขั้นต่ำสุด ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเอ็มซี สามารถรับได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.EMC.com