เกียรตินาคินสรุปผลการดำเนินงาน ปี 47 กำไร 2,208 ล้านบาท

บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) สรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2547 ว่า ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกำไรมาจากธุรกิจหลักของบริษัทคือ ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อธุรกิจ

สำหรับผลประกอบการของเกียรตินาคิน ในปี 2547 มีกำไรสุทธิก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 2,363 ล้านบาทและกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 2,208 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี2546 มีกำไรสุทธิก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 13.3% และกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 6.9% และมีส่วนเกินทุนจากการตีมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องเพิ่มขึ้นจำนวน 12 ล้านบาท และส่วนเกินทุนจากการตีมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายลดลงจำนวน 327 ล้านบาท

รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล เท่ากับ 4,450 ล้านบาทในปี 2547 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวนเท่ากับ 4,173 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้นจากจำนวน 856 ล้านบาทเป็นจำนวน 1,489 ล้านบาทในปี 2547 คิดเป็น 74% โดยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 %จากปีก่อน สำหรับรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมอื่นแสดงจำนวนที่ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนเนื่องจากมีรายการพิเศษที่เกิดขึ้นในปีก่อน ถ้าไม่นับรวมผลกำไรที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษในปี 2546 ส่วนต่างของรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลระหว่างงวด จะมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน

ดอกเบี้ยและส่วนลดจ่ายในปี 2547 มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากจำนวน 948 ล้านบาท เป็นจำนวน 952 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีก่อน ในขณะที่เงินกู้ยืมเพื่อรองรับการปล่อยกู้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

เงินกู้ยืมและเงินฝากในปี 2547 มีจำนวน 34,418 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อนมีจำนวน 19,748 ล้านบาท คิดเป็น 74%

ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินให้กู้ยืมของปี 2547 เพิ่มขึ้น จากปีก่อนจำนวน 499 ล้านบาท โดยบริษัทฯยังคงนโยบายในการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินให้กู้ยืมอย่างระมัดระวัง มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินให้กู้ยืมจำนวน 3,611 ล้านบาท ในขณะที่เงินสำรองที่ต้องกันตามเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด มีจำนวนเพียง 2,360 ล้านบาท

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปี 2547 มีจำนวน 1,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 2,167 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ลดลงจากปีก่อนส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้อื่นที่ลดลงอย่างมากในงวดนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้พิเศษจากการซื้อคืนทรัพย์สินรอการขายของลูกหนี้รายหนึ่งในปี 2546

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงมีการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงประมาณ 8.5%ในขณะที่มีการเจริญเติบโตและเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์รวมเป็นอย่างมาก สินทรัพย์รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจากจำนวน 42,670 ล้านบาทเป็นจำนวน 57,454 ล้านบาทในปี 2547 คิดเป็น 35% ในระหว่างปี 2547 บริษัทฯ สามารถชนะการประมูลลูกหนี้จากกรมบังคับคดีทั้งสิ้น 3,890 ล้านบาทจึงทำให้เงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,038 ล้านบาทคิดเป็น 21% เงินให้กู้ยืมตามสัญญาเช่าซื้อและเงินให้กู้ยืมเพื่อโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนคิดเป็น 128%และ 63% ตามลำดับ นอกจากนี้บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อทั่วไปใหม่เพิ่มขึ้นในระหว่างปีประมาณ1,000 ล้านบาท ในขณะที่สามารถลดลูกหนี้เก่าลงประมาณ 1,416 ล้านบาท

Note to Editor

บริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน ได้รับการเห็นชอบให้เป็นธนาคารพาณิชย์แบบเต็มรูปแบบ (Commercial Bank) จากกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2547 โดยจะมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความชำนาญต่อเนื่องจากการเป็นบริษัทเงินทุน คือ สินเชื่ออุปโภคบริโภค สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสินเชื่อพาณิชย์กรรมและอุตสาหกรรมในบางธุรกิจเช่น ธุรกิจขนส่ง บรรจุภัณฑ์ และสิ่งพิมพ์เป็นต้น นอกจากนั้นยังจะเสริมบริการหลักเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์อื่นในระยะ 3 ปีแรก พร้อมทั้งยกระดับสำนักอำนวยสินเชื่อ 15 แห่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศให้เป็นสาขาของธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ขณะนี้บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน มีสินทรัพย์ประมาณ 6 หมื่นล้านบาทและมีเป้าหมายที่จะขยายเป็น 1 แสนล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า