กรุงเทพฯ – บริษัท อินโดรามา โพลิเมอร์ส จำกัด(มหาชน) เผยกำไรสุทธิ พ.ศ. 2547 พุ่งถึง 484 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51% จากกำไรสุทธิใน พ.ศ. 2546 ที่มีปริมาณ 322 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการสุทธิ พ.ศ.2547 ประมาณ 9,305 ล้านบาทนั้น เพิ่มขึ้น 84% จากผลประกอบการเมื่อ พ.ศ.2546 ที่มีจำนวน 5,122 ล้านบาท
นายอนิล (อโลค) โลเฮีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโดรามา โพลิเมอร์ส จำกัด(มหาชน) เผยว่าเหตุที่รายได้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นและความหลากหลายของสินค้าที่นำเสนอสู่ตลาดที่ดีขึ้นช่วยเสริมให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็เพิ่มสูงขึ้นตามการเติบโตของรายได้เหตุเพราะบริษัทมีปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นภายหลังจากโรงงานทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาได้มีการใช้กำลังการผลิตเต็มอัตรา อย่างไรก็ตามราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเป็นผล มาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในตลาดโลก
“เรามองความต้องการเพท โพลิเมอร์สในอนาคตจะเพิ่มขึ้นแม้จะมีความกดดันจากราคาน้ำมันเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งนี้ ณ สิ้นสุด พ.ศ.2547 อินโดรามา ได้ผลิตเพท โพลิเมอร์ส จำนวน 192,609 ตันและเรายังได้วางเป้าที่จะขยายกำลังการผลิตออกไปอีกเพื่อที่จะได้ทำให้บริษัทสามารถบรรลุได้ถึงเป้าหมายที่จะผลิตเพท โพลิเมอร์ส ให้ได้ 424,000 ตัน ภายในพ.ศ.2549” นายโลเฮีย กล่าว
อินโดรามา โพลิเมอร์ส ซึ่งเดิมก่อตั้งภายใต้ชื่อ อินโด เพ็ท (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปลี่ยนสภาพการดำเนินงานเมื่อเดือนกันยายน 2547 สู่การเป็นบริษัทแม่ที่มี เอเชียเพ็ท (ประเทศไทย) , สตาร์เพ็ท ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ยูเอบี โอเรียนโกลบอล เพ็ท ประเทศลิธัวเนีย เป็นบริษัทลูก นอกจากนั้นบริษัทยังได้ก่อตั้งบริษัท เพทฟอร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน) ใน พ.ศ.2541
หมายเหตุ: บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2538 ภายใต้ชื่อ บริษัท อินโดเพ็ท (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกเพทระดับโลกผ่านการดำเนินงานของ 4 บริษัทย่อย คือ
(1) บริษัท เอเชียเพ็ท (ประเทศไทย) จำกัด
(2) บริษัท สตาร์เพ็ท, ประเทศสหรัฐอเมริกา
(3) บริษัท ยูเอบี โอเรียน โกลบอล เพ็ท, ประเทศลิธัวเนีย
(4) บริษัท เพ็ทฟอร์ม (ประเทศไทย) จำกัด
โดยมุ่งขยายธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกับกระแสความต้องการบริโภคพลาสติกเพทของโลก ในขณะที่คงไว้ซึ่งความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในตลาดภายในประเทศ และตลาดระดับภูมิภาค