นายกุลิศ สมบัติศิริ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดมีมติเห็นชอบออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบที่หนึ่งให้กับเอกชน 5 ราย คือ บริษัทโปรอิมเมจ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอมมูนิเคชั่น บริษัทโอทาโรบริษัทอินเตอร์เน็ต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ บริษัททูร อินเทอร์เน็ต จำกัด และบริษัท ที ที แอนด์ ที ซับสไครเบอร์ เซอร์วิส จำกัด
ส่วนที่เหลืออีก 8 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทวันโอวันโกลเบิ้ลจำกัด บริษัทฟรีอินเตอร์เน็ท จำกัด บริษัทแปซิฟิค อินเทอร์เน็ต (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซีเอส ล๊อกซอินโฟน จำกัด (มหาชน) และบริษัททีโอแอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีทีแอนด์ที บริษัทเคิร์ซ และบริษัทอคิวเม้นท์ กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกทช.และยังอยู่ในระหว่างการจัดส่งเอกสารเพิ่มเติม หลังจากเอกสารครบถ้วนแล้วกทช.จะใช้เวลาพิจารณา 30 วัน หากมีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ก็จะนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดเพื่อออกใบอนุญาตต่อไป
เพราะปัจจุบันการเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตมีการแข่งขันอย่างรุนแรงเห็นได้จากการออกโปรโมชั่นพิเศษแต่ละครั้ง ซึ่งแต่ละบริษัทผู้ประกอบการล้วนแต่เพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้านต่างๆ เพื่อชิงความได้เปรียบทางการตลาด ปัจจุบันมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต 18 ราย คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการประมาณ 6.97 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ10.7 ของประชากรทั้งประเทศ
ขณะเดียวกันรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้กล่าวว่าหลังจากกทช.ได้มอบใบอนุญาตประกอบกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ตประเภทที่หนึ่งให้กับบริษัท เคเอสซีคอมเมอร์เชียล อินเตอร์เน็ต จำกัด หรือเคเอสซี ส่งผลให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภคที่จะได้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในราคาถูกลง
สำหรับภาวะการแข่งทางด้านธุรกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ต มีการแข่งขันอย่างรุนแรงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดราคาค่าบริการ หรือการให้บริการหลังการขาย เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เปลี่ยนใจหันมาใช้บริการ ส่วนเรื่องภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเลิกใช้อินเทอร์เน็ต เพราะปัจจุบันอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวันและทำธุรกิจของคนทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ รองเลขาธิการกทช.ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ยื่นเรื่องขอรับใบอนุญาตให้บริการประเภทหนึ่ง จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามประกาศของกทช.คือ 1.ผู้ขอรับใบอนุญาตจะต้องมีสภาพเป็นนิติบุคคล ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือได้การรับรองสภาพนิติบุคคลตามกฎหมายไทย 2.ไม่เคยถูกระงับ ยกเลิก หรือเพิกถอนใบอนุญาตโดยคณะกรรมการมาก่อนเพราะเหตุที่ดำเนินการขัดต่อเงื่อนไขในใบอนุญาต 3.ไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลายมาก่อน และ 4.บุคคลผู้เป็นกรรมการ ผู้จัดการหรือ ผู้มีอำนาจในการจัดการของผู้ขอรับใบอนุญาตต้องไม่เคยถูกศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิดตามกฎหมายอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสาร กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ความผิดเกี่ยวกับเพศตามประมวลกฎหมายอาญา หรือ ล้มละลาย หรือถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
