เอทีแอนด์ที ควบกิจการเบลล์เซาธ์ เร่งพัฒนานวัตกรรม การแข่งขัน และการรวมธุรกิจ

ซานแอนโตนิโอ และ แอตแลนต้า–(บิสิเนสไวร์)—บริษัทเอทีแอนด์ที อิงค์ (NYSE:T):

— การรวมตัวของผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานชั้นนำ 2 แห่งและเจ้าของร่วมของซิงกูลาร์จะเร่งความคืบหน้าในด้านบริการไร้สาย/มีสาย

— ผลประโยชน์ทางการเงินจำนวนมากสำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท โดยคาดว่ามีมูลค่าสุทธิในปัจจุบันที่ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในการดำเนินงานร่วมกันอันเป็นผลจากอัตราการดำเนินงาน 2 พันล้านดอลลาร/ปีในการดำเนินงานร่วมกันซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2551 และขยายตัวสู่ 3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2553

— การควบรวมกิจการจะเพิ่มผลประกอบการที่ปรับแล้วต่อหุ้นของเอทีแอนด์ทีในปี 2551 โดยจะมีผลประกอบการต่อหุ้น (EPS) ขยายตัวในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ผลประกอบการที่ปรับสำหรับต้นทุนการควบรวมกิจการและค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้) และการขยายตัวอย่างมากของกระแสเงินสดหลังการจ่ายปันผลในปี 2550 และ 2551

— กรรมการของเอทีแอนด์ทีอนุมัติการซื้อหุ้น 400 ล้านหุ้นภายในสิ้นปี 2551 โดยซื้อคืนหุ้นอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 22 เดือนข้างหน้า โดยซื้อส่วนใหญ่ในปี 2550

— การควบกิจการจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าและส่งเสริมการแข่งขัน

บริษัทเอทีแอนด์ที อิงค์ (NYSE:T) และบริษัทเบลล์เซาธ์ คอร์ปอเรชัน (NYSE:BLS) ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับกับข้อตกลงที่จะควบกิจการ 2 บริษัทเข้าด้วยกัน โดยการควบรวมกิจการดังกล่าวจะสร้างผู้ให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการให้บริการแก่ตลาดไร้สาย บรอดแบนด์ วิดีโอ เสียงและข้อมูล

การควบรวมกิจการจะปรับความเป็นเจ้าของและการดำเนินงานของซิงกูลาร์ ไวร์เลสซึ่งเป็นเจ้าของร่วมโดยเอทีแอนด์ทีและเบลล์เซาธ์ โดยบริษัทใหม่จะมีความก้าวล้ำ คล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะนำเสนอประโยชน์ต่างๆให้กับลูกค้าด้วยการผนวกเครือข่ายของซิงกูลาร์ เบลล์เซาธ์ และเอทีแอนด์ทีเข้าเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายและมีสายเครือข่ายเดียวซึ่งจะนำเสนอโซลูชันที่ก้าวล้ำต่างๆ

บริษัทที่ควบรวมกันใหม่จะมีความสามารถที่ดีขึ้นในการเร่งการรวมบริการใหม่ๆที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับลูกค้าและธุรกิจและส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมต่อเทคโนโลยีที่อยู่บนพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต โปรโตคอล

“การดำเนินการที่เหมาะสมขั้นต่อไปซึ่งจะสร้างมูลค่าอย่างมาก”

“การควบรวมกิจการนี้เป็นการดำเนินการขั้นต่อไปที่เหมาะสมซึ่งจะสร้างมูลค่าอย่างมากสำหรับลูกค้าและผู้ถือหุ้นของทั้งเอทีแอนด์ทีและเบลล์เซาธ์” นายเอ็ดเวิร์ด อี วิเทเคอร์ จูเนียร์ ประธานและซีอีโอของเอทีแอนด์ทีกล่าว “จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าผ่านทางการให้บริการใหม่ๆและการขยายขีดความสามารถด้านการบริการ จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับซิงกูลาร์ผ่านทางความเป็นเจ้าของร่วมกันและใช้แบรนด์เดียว และเราเชื่อมั่นว่า เป็นการควบรวมกิจการที่เราสามารถดำเนินการบนพื้นฐานประวัติการดำเนินการของเรากับการควบรวมกิจการที่ผ่านมาและประสบการณ์ของเราในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเบลล์เซาธ์เพื่อสร้างซิงกูลาร์ ไวร์เลส และดำเนินการเว็บไซท์ Yellowpages.com

“การทำธุรกรรมนี้จะผนวก 2 บริษัทที่มีการดำเนินงานที่ดีมากเข้าด้วยกัน” นายวิเทเคอร์ กล่าวเสริม “เบลล์เซาธ์จะดำเนินงานในภูมิภาคที่น่าดึงดูดใจที่มีเศรษฐกิจขยายตัว มีพนักงานที่ยิ่งใหญ่และเครือข่ายที่โดดเด่นโดยมีการติดตั้งใยแก้วนำแสงในพื้นที่ให้บริการ เบลล์เซาธ์มีประวัติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในด้านการให้บริการลูกค้าและงบดุลบัญชีที่ระมัดระวัง ความแข็งแกร่งเหล่านี้ซึ่งเสริมเข้ากับเอทีแอนด์ทีนั้น จะปรับปรุงขีดความสามารถของเราในการให้บริการที่ก้าวล้ำแก่ลูกค้าจำนวนมากขึ้น ขณะที่ส่งมอบมูลค่าอย่างมากคืนให้กับเจ้าของและปรับปรุงการขยายตัวของเรา”

“การเปลี่ยนแปลงและการรวมด้านเทคโนโลยีกำลังสร้างการขับเคลื่อนในการแข่งขันครั้งใหม่และสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่” ดูแอน เอคเคอร์แมน ประธานและซีอีโอของเบลล์เซาธ์กล่าว “เรากำลังสร้างบริษัทที่มีขีดความสามารถดีขึ้นในการฉวยโอกาสเหล่านี้ขณะที่รักษาความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งในด้านการบริการลูกค้าและความเกี่ยวข้องในชุมชน

“นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการควบรวมกิจการนี้” นายเอคเคอร์แมนกล่าว “การควบรวมกิจการครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพนักงานของเรา ลูกค้าของเรา และผู้ถือหุ้นของเรา”

เอทีแอนด์ทีมีความมุ่งมั่นที่จะยังคงรักษาระดับของความช่วยเหลือด้านการกุศลและกิจกรรมชุมชนของเบลล์เซาธ์ไว้ต่อไป รวมถึงการให้ทุนสำหรับกิจกรรมการกุศล, การพัฒนาเศรษฐกิจและ โครงการด้านการศึกษาในพื้นที่ 9 รัฐของเบลล์เซาธ์

“ความมุ่งมั่นของเราอยู่ที่การให้บริการที่ยิ่งใหญ่และผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำในราคาย่อมเยาสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและภาคธุรกิจทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงใต้ ทั่วประเทศ และทั่วโลก” นายวิเทเคอร์ กล่าว “การควบรวมกันจะทำให้เราเป็นผู้นำทางไปสู่ยุคใหม่ของการสื่อสารแบบบรรจบและรวมเข้าด้วยกัน บริการด้านวิดีโอและความบันเทิง ขณะที่ปรับปรุงขีดความสามารถของเราในการจัดการเครือข่ายที่ซับซ้อน”

ประโยชน์ของลูกค้า
กลุ่มผู้ใช้ทั่วไปที่กำลังมองหาทางเลือกที่แท้จริงแทนที่การผูกขาดระบบเคเบิลนั้นจะเห็นการดำเนินการที่เร็วขึ้นของเครือข่ายโทรทัศน์ระบบ IP รุ่นใหม่และบริการที่คล้ายกันอันเป็นผลของการที่เอทีแอนด์ทีรุกเข้าสู่ธุรกิจ IPTV เป็นครั้งแรกและจากการวิจัยและพัฒนาที่ห้องทดลองของเอทีแอนด์ที รวมทั้งการติดตั้งเครือข่ายใยแก้วของเบลล์เซาธ์สำหรับระบบ DSL และบริการบรอดแบนด์อื่นๆ

ลูกค้าประเภทธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐและส่วนที่เหลือของประเทศ จะได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมของห้องทดลองเอทีแอนด์ที รวมถึงการรวมเครือข่ายระดับประเทศและต่างประเทศที่ทันสมัย รวมถึงบริการที่ก้าวล้ำของเอทีแอนด์ทีเข้ากับแพลตฟอร์มและความเชี่ยวชาญด้านบรอดแบนด์และตลาดท้องถิ่นของเบลล์เซาธ์

บริษัทที่ควบรวมกันจะมีการเงิน เทคนิค การวิจัยและพัฒนา เครือข่าย ทรัพยากรการตลาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้บริการผู้ใช้ทั่วไปและลูกค้าประเภทธุรกิจขนาดใหญ่ได้ดีขึ้นและจะเร่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับลูกค้าเหล่านั้น

การควบรวมกิจการจะทำให้ลูกค้าประเภทธุรกิจ รัฐบาล รวมถึงหน่วยงานด้านการทหารและความมั่นคงแห่งชาติ มีผู้ให้บริการในสหรัฐที่เชื่อถือได้ในการให้บริการคุณภาพสูงและราคาย่อมเยาเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขาในทุกๆที่ทั่วโลก

เนื่องจากเอทีแอนด์ทีและเบลล์เซาธ์ไม่ใช่คู่แข่งที่แท้จริงในตลาดท้องถิ่น โทรศัพท์ทางไกล และวิดีโอ และเพราะเบลล์เซาธ์ไม่ใช่คู่แข่งที่สำคัญกับเอทีแอนด์ทีในตลาดองค์กร ดังนั้นการควบรวมกิจการดังกล่าวจะไม่ลดการแข่งขันในตลาดเหล่านั้น

กำหนดเวลาและเงื่อนไข
ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงที่ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการบริหารของทั้งสองบริษัทนั้น ผู้ถือหุ้นของเบลล์เซาธ์จะได้รับหุ้นสามัญของเอทีแอนด์ทีจำนวน 1.325 หุ้นสำหรับแต่ละหุ้นสามัญของเบลล์เซาธ์ โดยตามราคาปิดตลาดของหุ้นเอทีแอนด์ที ณ วันที่ 3 มี.ค. 2549 นั้น อัตราส่วนของการแลกเปลี่ยนจะเท่ากับ 37.09 ดอลลาร์ต่อหุ้นสามัญของเบลล์เซาธ์ ซึ่งจะสูงกว่าราคาปิดตลาดของหุ้นเบลล์เซาธ์ ณ วันที่ 3 มี.ค. 2549 อยู่ 17.9% และคิดเป็นมูลค่าหุ้นรวมประมาณ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์

การควบรวมกิจการดังกล่าวซึ่งจะได้รับอนุมัติโดยผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท รวมถึงผู้ควบคุมกฏระเบียบและเงื่อนไขอื่นๆตามปกตินั้น คาดว่าจะปิดดำเนินการได้ภายในระยะเวลาประมาณ 12 เดือน

การปรับปรุงและพัฒนาบริการสื่อสารไร้สาย

หนึ่งในประโยชน์ที่ได้รับอย่างรวดเร็วที่สุดของการทำธุรกรรมนี้จะได้แก่การปรับปรุงและพัฒนาการจัดการและการดำเนินงานของซิงกูลาร์

“ความเป็นหุ้นส่วนของซิงกูลาร์และบริษัทซิงกูลาร์เองนั้นดำเนินการได้อย่างดีที่สุด โดย เฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการซื้อกิจการเอทีแอนด์ที ไวร์เลส” นายวิเทเคอร์กล่าว “แต่ไม่มีความเป็นหุ้นส่วนระหว่าง 2 บริษัทอิสระใด ไม่ว่าจะดำเนินการได้ดีเพียงใดก็ตาม ที่สามารถรองรับด้านความเร็ว, ประสิทธิภาพ ความรับผิดชอบ และประสิทธิผลได้เท่ากับบริษัทที่มีเจ้าของเพียงรายเดียว”

ขณะที่การดำเนินงานส่วนใหญ่ของซิงกูลาร์จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนั้น การปรับโครงสร้างความเป็นเจ้าของให้ง่ายขึ้นจะนำไปสู่การทำตลาดและการควบคุมการบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะนำเสนอภายใต้แบรนด์เอทีแอนด์ที ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพทางการเงินและประโยชน์สำหรับลูกค้า

การควบกิจการจะทำให้มีการรวมผลิตภัณฑ์และบริการอย่างใกล้ชิดมากขึ้นทั้งแบบไร้สาย, มีสายและ IP เข้าสู่เครือข่าย IP เดียวทั่วโลก นับเป็นสิ่งสำคัญขณะที่อุตสาหกรรมเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการรวม “3 จอ”ที่ลูกค้าจำนวนมากพึ่งพามากที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไร้สาย นี่เป็นด้านที่เอทีแอนด์ทีเป็นผู้นำผ่านทางความเป็นหุ้นส่วนด้านกลยุทธ์กับยาฮู! และบริษัทอื่นๆ

“เราตื่นเต้นเกี่ยวกับแนวโน้มในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่แข็งแกร่งให้กับลูกค้าของเราด้วยประสิทธิภาพที่ดีและรวดเร็วขึ้นภายใต้แบรนด์เดียว” นายเอคเคอร์แมนกล่าว

การคาดการณ์ทางการเงิน

นอกเหนือจากประโยชน์อย่างมากที่ลูกค้าจะได้รับนั้น เอทีแอนด์ทีและเบลล์เซาธ์คาดว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวจะให้ประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท การควบกิจการจะรวม 3 บริษัทเข้าด้วยกันซึ่งปัจจุบันดำเนินการแยกจากกันและเป็นอิสระจากกัน ซึ่งได้แก่ เอทีแอนด์ที, เบลล์เซาธ์ และซิงกูลาร์ ไวร์เลส โดยเอทีแอนด์ทีและเบลล์เซาธ์ประมาณการว่า ศักยภาพจากการรวมกิจการจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสู่อัตราการดำเนินงานต่อปีเกิน 2 พันล้านดอลลาร์ในปีที่ 2 หลังปิดการทำธุรกรรม และประมาณการมูลค่าสุทธิในปัจจุบันของศักยภาพที่คาดไว้ที่ระดับเกือบ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์

สัดส่วนจำนวนมากของศักยภาพนั้นคาดว่าจะมาจากต้นทุนที่ลดลงในการดำเนินงานของบริการระหว่างรัฐและบริการที่ไม่มีการควบคุม และจากพนักงานบริษัท รวมถึงศักยภาพที่อยู่เหนือการปรับปรุงประสิทธิภาพที่คาดไว้จากโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่องของบริษัท โดยประมาณครึ่งหนึ่งของการประหยัดต้นทุนทั้งหมดนั้นคาดว่าจะมาจากการดำเนินการเครือข่ายและไอที ขณะที่ศูนย์การดำเนินงานและการปฏิบัติการได้ถูกรวมเข้าด้วยกัน และการสื่อสารถูกย้ายเข้าสู่เครือข่ายไอพีเดียว การประหยัดต้นทุนเพิ่มเติมนั้นคาดว่าจะมาจากการรวมการปฏิบัติงานของพนักงานเข้าด้วยกันและจากค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณาและการแบรนดิ้งที่ลดลง โดยในปัจจุบัน ทั้ง 3 บริษัทสนับสนุนแบรนด์ที่แตกต่างกัน 3 แบรนด์ โดยมีการโฆษณาแยกกัน 3 รายการ แต่หลังจากการควบกิจการ พวกเขาคาดว่าจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์เดียวคือเอทีแอนด์ที

เอทีแอนด์ทีคาดว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการต่อหุ้นที่ปรับแล้วในปี 2550 และจะส่งผลในเชิงบวกต่อผลประกอบการต่อหุ้นที่ปรับแล้วหลังจากนั้น (ผลประกอบการต่อหุ้นที่ปรับแล้วไม่รวมต้นทุนทั้งหมดของการควบรวมกิจการและค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสดสำหรับค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้) เอทีแอนด์ทีคาดว่า การควบกิจการจะตอกย้ำการคาดการณ์ที่ได้ระบุไว้ในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2549

— ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มปี 2549 ของเอทีแอนด์ที

— เอทีแอนด์ทียังคงคาดว่าจะมีการขยายตัวของ EPS ที่ปรับแล้วมากกว่า 10% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยมีการขยายตัวอย่างมากในด้านกระแสเงินสดหลังการจ่ายเงินปันผล โดยกระแสเงินสดหลังการจ่ายเงินปันผลคาดว่าจะสูงเกิน 4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2550 และสูงเกิน 6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2551

— รายได้รวม รวมถึงซิงกูลาร์นั้น คาดว่าจะกลับมามีการขยายตัวในปี 2550 เร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ 1 ปี

— ค่าใช้จ่ายด้านทุนรวมถึงซิงกูลาร์ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับกลางของช่วง 10-19 % เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ในปี 2550 และ 2551

— คาดว่าการทำธุรกรรมจะปรับปรุงการขยายตัวโดยรวมของเอทีแอนด์ที โดยได้รับแรงผลักดันจากธุรกิจไร้สายซึ่งจะคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้ที่คาดไว้ของบริษัทที่ควบกิจการในปี 2550 และโดยโอกาสที่เพิ่มขึ้นในตลาดภาคธุรกิจ

— เอทีแอนด์ทีคาดว่ากระแสเงินสดหลังจ่ายเงินปันผลจากบริษัทที่ควบรวมกิจการจะเพิ่มความยืดหยุ่นในการลดระดับหนี้สินในช่วง 5 ปีข้างหน้าขณะที่ให้ผลตอบแทนเงินสดที่ดีเยี่ยมต่อกลุ่มผู้ถือหุ้น

เอทีแอนด์ทีและเบลล์เซาธ์คาดว่า บริษัทที่ควบรวมกิจการจะมีงบดุลบัญชีที่แข็งแกร่งโดยมีเครดิตที่ดี ทั้งสองบริษัทมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A

การขยายการซื้อคืนหุ้น
คณะกรรมการบริหารของเอทีแอนด์ทีได้อนุมัติการซื้อหุ้นเพิ่ม 400 หุ้นจนถึงปี 2551 แทนที่โครงการที่มีอยู่ ภายใต้การอนุมัตินี้ บริษัทคาดว่าจะซื้อคืนหุ้นสามัญมูลค่าอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 22 เดือนข้างหน้า และคาดว่าจะมีการซื้อคืนหุ้นมูลค่าอย่างน้อย 2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2549 ตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และซื้อคืนหุ้นอีก 8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2550 โดยการอนุมัติซื้อคืนหุ้นนี้มีเป้าหมายเพื่อประมาณการค่าพรีเมียมหุ้นที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นของเบลล์เซาธ์อันเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรมควบกิจการนี้ ส่วนกำหนดเวลาและลักษณะของการซื้อคืนหุ้นจะขึ้นอยู่กับภาวะตลาดและกฎหมายหลักทรัพย์

ผู้นำของบริษัทใหม่
นายวิเทเคอร์จะเป็นประธาน ซีอีโอ และกรรมการบริหารของบริษัทที่ควบกิจการ ขณะที่นายเอคเคอร์แมนจะเป็นประธานและซีอีโอของการดำเนินงานของเบลล์เซาธ์สำหรับระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงหลังการควบกิจการ นอกจากนี้ สมาชิก 3 คนของกรรมการบริหารของเบลล์เซาธ์จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของเอทีแอนด์ที

สำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ควบรวมกิจการนั้นจะยังคงอยู่ในซาน แอนโตนิโอ สำนักงานใหญ่ของซิงกูลาร์จะยังคงอยู่ในแอตแลนต้าเช่นเดียวกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทโทรศัพท์ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัที่ควบกิจการ

เกี่ยวกับเอทีแอนด์ที

เอทีแอนด์ที อิงค์ เป็นหนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งด้านการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในโลกและใหญ่ที่สุดในสหรัฐ บริษัทมีการดำเนินงานทั่วโลกภายใต้แบรนด์เอทีแอนด์ที โดยบริษัทต่างๆในเครือเอทีแอนด์ทีได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านการสื่อสารบนเครือข่ายไอพีต่อกลุ่มธุรกิจและยังเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของสหรัฐในด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระบบดีเอสแอล บริการโทรศัพท์ในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริการด้านการพิมพ์รายนามผู้ใช้โทรศัพท์และบริการด้านการโฆษณา เอทีแอนด์ที อิงค์ ถือหุ้น 60% ของซิงกูลาร์ ไวร์เลสซึ่งเป็นผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายอันดับ 1 ของสหรัฐและมีลูกค้ามากกว่า 54 ล้านคน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทเอทีแอนด์ที อิงค์ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ สามารถดูได้ที่ www.ATT.com

เกี่ยวกับเบลล์เซาธ์
เบลล์เซาธ์ คอร์ปอเรชันเป็นบริษัทสื่อสารที่ติดหนึ่งในทำเนียบบริษัทชั้นนำ 100 แห่งของนิตยสารฟอร์จูน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย เบลล์เซาธ์ถือหุ้น 40% ในซิงกูลาร์ ไวร์เลสซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลและเสียงไร้สายรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยมีลูกค้า 54.1 ล้านราย เบลล์เซาธ์นำเสนอแพคเกจบริการด้านข้อมูลและเสียงที่ครบวงจรและก้าวล้ำที่สุดต่อตลาดโดยได้รับการสนับสนุนจากบริการลูกค้าที่ได้รับรางวัล ผู้ใช้ตามบ้านและลูกค้าธุรกิจรายย่อยสามารถใช้บริการโทรศัพท์ในประเทศและโทรทางไกลผ่านทาง BellSouth Answers(R) ด้วยการโทรและเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง DSL, โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและบริการซิงกูลาร์ ไวร์เลส สำหรับภาคธุรกิจนั้น เบลล์เซาธ์นำเสนอโซลูชันเครือข่ายเสียงและข้อมูลในประเทศและทางไกล และเบลล์เซาท์ยังนำเสนอรายการโฆษณาแบบพิมพ์และแบบออนไลน์ผ่านทาง Yellow Pages(R) และ YELLOWPAGES.COM(TM) ด้วย

เบลล์เซาธ์เชื่อว่า ความหลากหลายและการสนับสนุนสภาวะที่ครอบคลุมนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความได้เปรียบด้านการแข่งขันในตลาดโลกในปัจจุบัน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบลล์เซาธ์สามารถดูจาก http://www.bellsouth.com/ และข้อมูลนักลงทุนสามารถดูได้จาก http://www.bellsouth.com/investor

ติดต่อ: เบลเซาธ์
โจ แชนด์เลอร์, 404-312-1964
หรือ
เอทีแอนด์ที
ไมเคิล โค, 212-453-2198
หรือ
วอลท์ ชาร์ป, 210-351-3349