ยา Panitumumab ช่วยในการควบคุมโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

เธาซันด์ โอ๊คส์, แคลิฟอร์เนีย—(บิสิเนส ไวร์)

บริษัท แอมเจน (Nasdaq:AMGN) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับผล Phase 3 ที่แสดงให้เห็นว่ายา panitumumab ได้ช่วยปรับปรุงการดำรงชีวิตโดยปราศจากการลุกลามและการควบคุมโรค (อัตราการตอบสนองและโรคที่ทรงตัว) อย่างมาก เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาเชิงรับที่ดีที่สุด (ฺBSC) ในผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะแพร่กระจาย (metastatic) ซึ่งไม่ได้รับการบัดบัดทางเคมีที่ได้มาตรฐาน ผลดังกล่าวได้มีการนำเสนอในการประชุม Clinical Plenary Session ที่งานประชุมประจำปีครั้งที่ 97 ของสมาคมการวิจัยมะเร็งของอเมริกา (Abstract #CP-1)

ดร.มาร์ค พีเตอร์ส ผู้ประสานงานของหน่วยการศึกษาวิจัยเซลล์มะเร็งในระบบการย่อยอาหาร มหาวิทยาลัยการแพทย์เกนท์ และหนึ่งในเจ้าหน้าที่กำกับดูแลที่สำคัญของการศึกษาวิจัยดังกล่าว กล่าวว่า “Panitumumab ได้ช่วยลดอัตราการแพร่กระจายของโรคลงราวครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาเชิงรับที่ดีที่สุดแต่เพียงอย่างเดียวในผู้ป่วยก่อนได้รับการบำบัดที่มีอาการหนัก นอกจากนี้ ความแตกต่างของอัตราการตอบสนองตามวัตถุประสงค์และสัดส่วนของผู้ป่วยที่สามารถคุมโรคได้ระหว่างการใช้ยา panitumumab และการใช้วิธีการรักษาเชิงรับที่ดีที่สุดแต่เพียงอย่างเดียวนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของยาชนิดนี้”

ในการศึกษาวิจัย Phase 3 แบบเปิดและเป็นการวิจัยแบบข้ามชาตินี้ ผู้ป่วย 463 รายที่เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะแพร่กระจาย ซึ่งไม่ได้รับเคมีบำบัดที่ได้มาตรฐาน ซึ่งรวมถึงการใช้ยา oxaliplatin และ irinotecan นั้น จะได้รับการสุ่มให้รับยา panitumumab ขนาด 6 มก./กก. ประกอบกับวิธี BSC (n=231) ทุก ๆ 2 สัปดาห์ หรือใช้วิธี BSC เพียงอย่างเดียว (n=232) ขณะที่คณะกรรมการการทบทวนด้านการฉายรังสีอิสระได้ประเมินการแพร่กระจายของโรคและการลดลงของขนาดเซลล์มะเร็๋ง

ผู้ป่วยซึ่งได้รับยา panitumumab ทุก 2 สัปดาห์ จะมีอัตราการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งลดลง 46% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโดยวิธี BSC แต่เพียงอย่างเดียว (p น้อยกว่า 0.000 000 001) สัดส่วนของผู้ป่วยที่ดำรงชีวิตอยู่โดยปราศจากการแพร่กระจายของโรคด้วยยา panitumumab ตลอดระยะเวลาที่กำหนดแม้ว่าในสัปดาห์ที่ 32 นั้น ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น หลังจากช่วง 6 เดือน (สัปดาห์ที่ 24) ผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดด้วยยา panitumumab จำนวนมากราว 4 เท่าได้ดำรงชีวิตอยู่โดยปราศจากการแพร่กระจายของโลก (18% เมื่อเทียบกับ 5% ที่ได้รับการบำบัดด้วย BSC เพียงอย่างเดียว) จำนวน 2 เท่าของผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดด้วย panitumumab ไม่มีการแพร่กระจายของโลกในสัปดาห์ที่ 32 (10% เทียบกับ 4% วิธี BSC เพียงอย่างเดียว)

คณะเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการศึกษาวิจัยยังได้รายงานอีกว่า ยา panitumumab ได้ช่วยปรับปรุงการควบคุมโรคอย่างมากเมื่อเทียบกับวิธี BSC เพียงอย่างเดียว (36% เทียบกับ 10% ตามลำดับ) ซึ่งมีการประเมินโดยใช้อัตราการตอบสนองและโรคที่ทรงตัว อัตราการตอบสนองที่มีการประเมินโดยอิสระตามวัตถุประสงค์นั้นอยู่ที่ 8% เมื่อใช้ยา panitumumab เทียบกับ 0% ที่ใช้ BSC เพียงอย่างเดียว และค่ากลางของช่วงเวลาการตอบสนองอยู่ที่ 17 สัปดาห์ อัตราการทรงตัวของโรคอยู่ที่ 28% เมื่อใช้ panitumumab เทียบกับ 10% ที่ใช้วิธี BSC อย่างเดียว

ประมาณ 75% ของผู้ป่วยที่มีการรักษาเชิงรับที่ดีที่สุดนั้น ต่างก็ยินดีที่จะรับ panitumumab หลังจากที่โรคของพวกเขาได้มีการแพร่กระจาย (n=174) นอกจากนี้ การบำบัดด้วย panitumumab ยังแสดงถึงประโยชน์ทางการแพทย์ในผู้ป่วยที่เปลี่ยนจากวิธี BSC แม้ว่าพวกเขาได้มีการแพร่กระจายของโรคก็ตาม ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ การบำบัดด้วย panitumumab ได้ส่งผลให้มีการตอบสนองบางส่วน 9% และ 32% มีอาการของโรคที่ทรงตัว รวมทั้ง 1% ที่มีการตอบสนองอย่างสมบูรณ์

การวิเคราะห์ชั่วคราวเกี่ยวกับการดำรงชีวิตโดยรวมระหว่างทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวออกมาคล้ายคลึงกัน อัตรา (75%) และช่วงเวลา (ค่ากลาง 7.0 สัปดาห์) ของการเปลี่ยนจากวิธี BSC อย่างเดียวมารับ panitumumab และกิจกรรมการต้านเซลล์มะเร็งที่มีการสังเกตอาการหลังจากเปลี่ยนวิธีบำบัด อาจจะสร้างความสับสนกับความสามารถในการแสดงผลของการบำบัดต่อการดำรงชีวิตโดยรวม (อัตราเสี่ยงที่จะพบเหตุการณ์ไม่คาดหวัง หรือ Hazard ratio = 0.93)

ยา Panitumumab ได้ช่วยปรับปรุงการดำรงชีวิตโดยปราศจากการแพร่กระจายของโรคและอัตราการตอบสนอง โดยไม่คำนึงถึงระดับที่มีการประเมินหรือปริมาณของยา EFGr การปรับตัวดีขึ้นในการดำรงชีวิตโดยปราศจากการแพร่กระจายของโรคและในการควบคุมโรคนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ สถานที่เกิดเซลล์มะเร็งเริ่มแรก (ปลายลำไส้ใหญ่เทียบกับทวารหนัก) หรือการแสดงอาการของโรค

สำหรับแผนการบำบัดรักษาทางการแพทย์นั้น การใช้ยา panitumumab ไม่จำเป็นต้องมีการให้ยาเพื่อเตรียมพร้อมผู้ป่วย (pre-medication) หรือขนาดยานำ (loading dose) และการเกิดปฏิกริยาต่อการรับยาเข้าสู่ร่างกาย (ไม่ว่าระดับความรุนแรงใด ๆ) ก็อยู่ในระดับต่ำ (1%) โดยไม่มีปฏิกริยาต่อการรับยาในเกรด 3 หรือ 4 แต่อย่างใด ผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นที่รับยา panitumumab ได้รายงานอาการอักเสบของผิวหนัง อ่อนเพลีย ปวดช่องท้อง คลื่นไส้ และท้องร่วง ขณะที่มีการสังเกตพบภาวะ Hypomagnesemia ในผู้ป่วย 38% ที่ได้รับการบำบัดด้วย panitumumab (3% อยู่ในเกรด ?) แต่ไม่มีการสร้างสารแอนตี้บอดี้ human anti-human antibody (HAHA) หรือสารแอนติบอดี้ต้าน panitumumab แต่อย่างใด ในผู้ป่วยที่มีแอนตี้บอดี้ต้าน panitumumab นั้น ก็จะไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และหลักเภสัชจลศาสตร์ (pharmacokinetics)

ผู้ป่วยและแพทย์จะสามารถเข้าเว็บไซต์ www.amgentrials.com เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบำบัดรักษาทางการแพทย์ด้วย panitumumab อย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลเกี่ยวกับการถ่ายทอดผ่านเว็บ
แอมเจนจะจัดการถ่ายทอดผ่านเว็บกับกลุ่มการลงทุนในวันนี้ในเวลา 12.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อมูล Phase 3 สมาชิกของสื่อมวลชน นักลงทุน และประชาชนทั่วไป จะสามารถชมการถ่ายทอดดังกล่าวได้ทางเว็บไซต์ของแอมเจนที่ www.amgen.com ในหมวด Investors โดยจะมีการจัดเก็บข้อมูลและสามารถชมการถ่ายทอดซ้ำได้อย่างน้อย 72 ชั่วโมงหลังการหารือดังกล่าว

เกี่ยวกับยา Panitumumab
Panitumumab เป็นแอนติบอดี้ monoclonal เพื่อการบำบัดรักษาโรคในมนุษย์ที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งตั้งเป้าที่ยา epidermal growth factor receptor (EGFr) ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการแสดงสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับเซลล์มะเร็ง ยา Panitumumab ซึ่งเป็นแอนติบอดี้ IgG2 monoclonal ซึ่งเกี่ยวข้องกับความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับยา EGFr ยา Panitumumab ได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี XenoMouse(R) ซึ่งจะสร้างแอนตี้บอดี้ monoclonal ของมนุษย์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะไม่มีโปรตีน murine (mouse) ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถประเมินว่า mouse protein ที่พบอยู่ในแอนติบอดี้ chimeric และ humanized เป็นสิ่งแปลกปลอม และเริ่มตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันในรูปของปฏิกริยาในการรับสารเข้าสู่ร่างกาย ปฏิกริยาด้านภูมิแพ้ หรือภาวะการแพ้แบบ anaphylaxis เป้าหมายของแอนติบอดี้ human monoclonal ที่กำลังมีการพัฒนาดังกล่าว ก็เพื่อที่จะนำเสนอการบำบัดรักษาที่มีความคล้ายคลึงกันสูงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ความเป็นไปได้ในการเกิดการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันประเภทนี้มีน้อยที่สุด

Panitumumab ได้รับเลือกแบบ Fast Track จากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) เมื่อเดือนก.ค.2548 สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะแพร่กระจาย ซึ่งไม่ได้รับเคมีบำบัดที่ได้มาตรฐาน Panitumumab ได้รับการประเมินว่าเป็นการทดลองทางการแพทย์สำหรับการบำบัดรักษามะเร็งหลายชนิด ซึ่งรวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปอด ศีรษะ และคอ

เกี่ยวกับยา Epidermal Growth Factor Receptor (EGFr)
แม้ว่าโดยปกติยา EGFr จะช่วยควบคุมการเติบโตของเซลล์ที่แตกต่างกันจำนวนมากในร่างกาย แต่ EGFr ยังสามารถกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งมีการเจริญเติบโตได้ด้วย ความจริงแล้ว เซลล์มะเร็งจำนวนมากจะต้องการสัญญาณบ่งชี้ที่ได้รับการสนับสนุนจาก EGFr เพื่อการอยู่รอดของเซลล์ ยา EGFr ซึ่งอยู่บนพื้นผิวของเซลล์มะเร็งเหล่านี้ จะทำงานเมื่อโปรตีนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย เช่น epidermal growth factor (EGF) หรือ transforming growth factor alpha (TGF-alpha) ได้รวมตัวกัน การเกี่ยวพันกันนี้จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของ EGFr ซึ่งจะทำให้เกิดสัญญาญบ่งชี้เกี่ยวกับเซลล์ภายใน ซึ่งจะกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ยา Panitumumab จะไปจับกับ EGFr ซึ่งจะป้องกันการจับตัวกันตามธรรมชาติ เช่น EGF และ TGF-alpha ไม่ให้มารวมตัวกันกับกลุ่มเซลล์ที่รับการกระตุ้น (receptor) และไม่ให้แทรกแซงสัญญาณบ่งชี้ที่จะกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็งและทำให้เซลดังกล่าวอยู่รอดต่อไป

เกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่นับเป็นมะเร็งที่เป็นกันมากที่สุดเป็นอันดับ 3 จากการวินิจฉัยในผู้ชาญและผู้หญิงในสหรัฐอเมริกา สมาคมมะเร็งของอเมริกาประเมินว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่รายใหม่ราว 106,680 ราย และจะมีการวินิจฉัยผู้ป่วยมะเร็งปลายลำไส้ใหญ่รายใหม่ 41,930 รายในปีนี้

เกี่ยวกับแอมเจน
แอมเจนได้ค้นคว้าพัฒนา และนำเสนอการบำบัดรักษามนุษย์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ แอมเจนซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีชีวภาพนับแต่ปี 2523 นั้น เป็นหนึ่งในบริษัทรายแรก ๆ ที่ได้สร้างความสำเร็จของวิทยาศาสตร์ยุคใหม่โดยการนำเวชภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจากห้องทดลอง สู่โรงงานผลิต สู่ผู้ป่วย การบำบัดรักษาของแอมเจมได้เปลี่ยนแปลงการทำงานของเวชภัณฑ์ ซึ่งช่วยผู้คนจำนวนหลายล้านคนทั่วโลกในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง โรคไต โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และการเจ็บป่วยที่รุนแรงอื่น ๆ ด้วยช่องทางเชิงลึกและในวงกว้างของเวชภัณฑ์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพ แอมเจมยังคงรักษาพันธะสัญญาในการที่จะสร้างความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนได้อย่างมาก หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยาศาตร์ที่เป็นการริเริ่มของเราและเวชภัณฑ์ที่สำคัญของเรา จะดูได้จาก www.Amgen.com

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า
ข่าวประชาสัมพันธ์นี้จะประกอบด้วยแถลงการณ์ชิงคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงปัจจัยที่ได้ระบุในส่วนล่างนี้และปัจจัยอื่น ๆ ที่จะพบได้ในเอกสาร Form 10-K ประจำปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.2548 และในรายงานประจำของเราในเอกสาร Form 10-Q และ Form 8-K แอมเจนได้จัดหาข้อมูลนี้ตามวันที่ที่ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ และไม่มีหน้าที่รับผิดชอบใด ๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าที่ระบุอยู่ในเอกสารนี้ อันเป็นผลจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคตหรือเหตุอื่นใด

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรับประกันได้ และผลที่แท้จริงอาจแตกต่างจากที่เราได้คาดไว้อย่างมาก ผลการดำเนินงานของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากความสามารถของเราในการทำตลาดทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่และที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งภายในและระหว่างประเทศได้อย่างประสบความสำเร็จ, การเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่, ปัญหาหรือความล่าช้าในการผลิตผลิตภัณฑ์ของเรา และการพัฒนาด้านการกำกับดูแล (ภายในหรือต่างประเทศ) ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันและในอนาคตและโรงงานผลิตต่าง ๆ นอกจากนี้ ยอดขายผลิตภัณฑ์ของเรายังได้รับผลกระทบจากนโยบายการชำระคืนที่กำหนดโดยผู้จ่ายกลุ่มที่หนึ่ง ซึ่งรวมถึงรัฐบาล ผู้ให้บริการด้านอนามัยแบบมีการจัดการ และแผนการประกันภัยเอกชน และอาจได้รับผลกระทบจากแนวโน้มภายในและระหว่างประเทศเกี่ยวกับการรวมค่าใช้จ่ายด้านสุขอนามัยและอนามัยแบบมีการจัดการ รวมทั้งกฎหมายของสหรัฐที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการกำหนดราคาเวชภัณฑ์และการชำระคืน รัฐบาลและคณะเจ้าหน้าที่กำกับดูแลและนโยบายการชำระคืนอาจจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนา การใช้ และการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ของเรา นอกจากนี้ เแอมเจนได้แข่งขันกับบริษัทอื่น ๆ ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่มีการทำตลาดของเราบางส่วน รวมทั้งการค้นคว้าและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การค้นพบหรือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แอมเจนเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ, กลุ่มผลิตภัณฑ์หรือการนำเสนอครั้งใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น อาจเผชิญกับการแข่งขันเมื่อและขณะที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับอนุมัติและมีการทำตลาด ผลิตภัณฑ์ของแอมเจนอาจจะแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาต่ำกว่า, ที่มีการชำระคืนตามกำหนด, มีประสิทธิภาพเหนือกว่า, ง่ายต่อการใช้งาน หรือมิฉะนั้นก็แข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของเราเอง นอกจากนี้ ขณะที่แอมเจนได้รับสิทธิบัตรสำหรับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของเราอยู่เป็นประจำนั้น ความคุ้มครองที่ได้รับจากสิทธิบัตรของเราและการยื่นขอสิทธิบัตรอาจจะถูกท้าทาย, ทำให้เป็นโมฆะหรือขัดขวางจากบรรดาคู่แข่งของเรา และไม่สามารถรับประกันได้เกี่ยวกับความสามารถของแอมเจนในการที่จะได้รับหรือคงความคุ้มครองด้านสิทธิบัตรสำหรับผลิตภัณฑ์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของแอมเจม แอมเจมไม่สามารถรับประกันได้ว่าลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงชิ้นใดจะประสบความสำเร็จและจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ ราคาสต็อคของแอมเจนอาจจะได้รับผลกระทบจากโอกาสทางการตลาดที่แท้จริงหรือที่ได้รับ, สถานภาพในการแข่งขันและความสำเร็จหรือความล้มเหลวของผลิตภัณฑ์หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ของแอมเจม ยิ่งไปกว่านั้น การเผชิญกับปัญหาสำคัญที่มีผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกับหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของแอมเจน ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทุกระดับนั้น อาจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบและต่อธุรกิจและผลการดำเนินงานของแอมเจน

ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราเป็นข้อมูลเบื้องต้นและเป็นไปในเชิงตรวจสอบ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) และไม่สามารถหรือไม่ควรมีการสรุปใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีเพียง FDA เท่านั้นที่จะสามารถตัดสินใได้ว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ใดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการใช้ที่กำลังมีการตรวจสอบ นอกจากนี้ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอครั้งใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรานั้นเป็นข้อมูลเบื้องต้นและเป็นไปในเชิงตรวจสอบ และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการติดฉลากที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตสำหรับการใช้ในเชิงตรวจสอบที่มีการระบุในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ และไม่สามารถหรือไม่ควรมีการสรุปใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีเพียง FDA เท่านั้นที่จะสามารถตัดสินใได้ว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ใดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการใช้ดังกล่าว คณะผู้เชี่ยวชาญด้านสุขอนามัยควรอ้างอิงถึงและอาศัยการติดฉลากที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ไม่ใช่ข้อมูลที่ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์นี้

หมายเหตุของบรรณาธิการ: ข่าวประชาสัมพันธ์นี้อาจเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของเราที่ www.Amgen.com ผู้สื่อข่าวและผู้แทนสื่ออาจลงทะเบียนเพื่อขอรับข่าวประชาสัมพันธ์ทั้งหมดทางระบบอิเลคทรอนิคส์เมื่อมีการประกาศ โดยกรอกแบบฟอร์มสั้น ๆ ในส่วนของสื่อมวลชนบนเว็บไซต์

ติดต่อ: แอมเจน, เธาซันด์ โอ๊คส์
ทริช ฮอว์กินส์/คริสเทน เดวิส, 805-447-4587 (สื่อ)
Arvind Sood, 805-447-1060 (นักลงทุน)