พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เดินหน้าขยายสาขา Plus Brokerage

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจตัวแทนซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์คุณภาพของเมืองไทย วางหมากขยายสาขา Plus Brokerage ในไตรมาส 3 ปี 2549 อีก 2 แห่ง หวังเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง หลังประสบความสำเร็จกับการเปิด 5 สาขาแรก ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวหิน พร้อมเสริมทีมงานชาวต่างชาติเพื่อให้บริการหลากภาษาตอบโจทย์ตลาดระดับอินเตอร์เขยิบกินแชร์คู่แข่งอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าปี 2549 โกยรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการด้านนี้กว่า 180 ล้านบาท

นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการสร้าง Brand Awareness ของ Plus Brokerage เป็นอย่างมาก โดยทำให้คนทั่วไปรู้จักบริการของ Plus Brokerage มากยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางใหม่ทั้ง Shop และ Kiosk ของ Plus Brokerage ทั้ง 5 สาขา ที่ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ต้นปี ประกอบด้วย สนามบินดอนเมือง, อาซ่า การ์เด้น สุขุมวิท 24, เซ็นทรัล ชิดลม, สยามพารากอน และหัวหิน ทั้งนี้เห็นได้จากยอดตัวเลขจำนวนลูกค้าที่เข้ามาติดต่อสอบถามและใช้บริการซื้อ ฝากขาย หรือฝากเช่า มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อปีที่ผ่านมา โดยตั้งแต่มีการเปิด Plus Brokerage มาตั้งแต่ต้นปี 2549 มียอดลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้ง 5 สาขา กว่า 30,000 ราย โดยคิดเป็นยอดเฉลี่ยเดือนละ 5,000 ราย ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่เดือนละ 3,000 ราย ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกของปีนี้ เราสามารถสร้างยอดรายได้จากธุรกิจการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์รวมเป็นจำนวน 91 ล้านบาท คิดเป็น 51 % ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะสามารถทำยอดรายได้รวมตามที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน

เกี่ยวกับผลการตอบรับในการใช้บริการของ Plus Brokerage นั้น นายเมธากล่าวว่า “เราค่อนข้างพอใจกับผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการที่สาขาของเรา โดยพบว่าลูกค้าที่ Kiosk ที่สนามบินดอนเมือง ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติที่ต้องการหาเช่าบ้าน และหาซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด สำหรับสาขา อาซ่า การ์เด้น สุขุมวิท 24 ลูกค้าที่เข้ามาสอบถามข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่นและยุโรปที่ต้องการเช่าบ้านและคอนโดมิเนียม ส่วนที่สยามพารากอนมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีความต้องการหลากหลายประเภท และเป็นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เฉลี่ยอายุระหว่าง 20-50 ปี ซึ่งสินทรัพย์ที่สนใจส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยระดับราคาเฉลี่ยประมาณ 3 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์กลุ่มผู้ใช้บริการ Plus Brokerage พบว่า กว่าร้อยละ 70 เป็นชาวต่างชาติ ส่งผลให้พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ได้เสริมทีมงานผู้ที่มีความรู้ความสามารถในระดับอินเตอร์ ที่สามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา อาทิเช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น เพื่อให้บริการที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ซึ่งจุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสู่ความสำเร็จของบริษัทฯ”

“สำหรับแผนการเปิด Plus Brokerageในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะมีการเปิด Plus Brokerage เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา เป็น Kiosk 1 สาขาได้แก่ สาขาอาคารสิริภิญโญ และ Shop 1 สาขา ได้แก่ สาขาโครงการคอนโดมิเนียมสุขุมวิท พลัส ทั้งนี้จะยังคงเดินหน้าสร้าง Brand Awareness ต่อไป โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบผสมผสานเข้ามาช่วย โดยจะมี Road Show ตลอดช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2549 เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงบริการ Plus Brokerage ว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงสต๊อกโครงการที่อยู่อาศัยที่เรามีอยู่ในระบบฐานข้อมูล โดยจะไปตามพื้นที่บริเวณศูนย์กลางธุรกิจเป็นหลัก นอกจากนั้นยังได้เพิ่มช่องทางในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ใหม่ www.thaipropertyplus.com/Huahin ซึ่งเป็น WEBSITE พิเศษที่จัดทำขึ้นเพิ่มเติม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่สนใจซื้อ ขาย ให้เช่า สินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่ในพื้นที่หัวหินและชะอำอีกด้วยทั้งนี้ตั้งแต่พลัสเปิดตัวเว็บไซต์ www.thaipropetyplus.com เมื่อต้นปี 2549 ที่ผ่านมา มีผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์กว่า 100,000 ราย โดยมีผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับข้อมูลข่าวสารจากเราถึง 40,000 ราย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ สำหรับเว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดตัวมาแค่ 6 เดือนเท่านั้น ” นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส เผยถึงกลยุทธ์การรุกตลาดในปี 2549 ของ Plus Brokerage

ด้านมุมมองต่อภาพรวมของธุรกิจตัวแทนซื้อ-ขาย และเช่าสินทรัพย์ในครึ่งปีหลังของ 2549 นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส แสดงความเห็นว่า “แนวโน้มตลาดบ้านมือสองในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะมีความคึกคักมากขึ้นและมีอัตราการเติบโตเล็กน้อย โดยมีแนวโน้มที่ปริมาณ Stock ที่อยู่อาศัยจะเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น จากการที่ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ กำลังเตรียมนำสินทรัพย์มือสองที่มีอยู่มาเปิดขายในมหกรรมต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคในแง่ของการที่จะมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะชะลอตัวลงเล็กน้อย ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ยังคงตัวในระดับสูง รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นอีกเล็กน้อยตามภาวะตลาดการเงินของโลก แต่คาดว่าปริมาณความต้องการบ้านมือสองจะยังคงมีอยู่ เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยใหม่ได้ปรับตัวขึ้นตามภาวะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย ทุนจดทะเบียน (ชำระแล้ว) 600 ล้านบาท ให้บริการด้านการเป็นตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์, บริหารงานขายโครงการอสังหาริมทรัพย์, ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์, การบริหารอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย และโครงการที่พัฒนาเอง ปัจจุบันมีทั้งสิ้นกว่า 30 โครงการ และโครงการที่รับบริหาร (Property Management) รวมกว่า 105 โครงการ ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน