DSGT ผู้ผลิตผ้าอ้อมรายใหญ่ในไทย มั่นใจธุรกิจขยายตัวต่อเนื่องสูงกว่าอัตราเติบโตของตลาด นักวิเคราะห์ยืนยัน หุ้น DSGT พื้นฐานดี ให้ราคาเหมาะสมช่วง 1 ปีข้างหน้าระหว่าง 4.17-4.50 บาทต่อหุ้น
ตลาดหลักทรัพย์ฯ : นายว่อง โป วา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“DSGT”) กล่าวว่า ธุรกิจผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงความสะดวกสบายและสุขอนามัยของการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป โดยในประเทศไทยตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย 15% -20% ต่อปี และ ยอดขายผ้าอ้อมเด็กเติบโตประมาณ 10% ต่อปี
“บริษัทมีนโยบายการตลาดเชิงรุกมากขึ้นเพื่อผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นและมีอัตราขยายตัวมากกว่าการเติบโตของตลาดโดยรวมที่อยู่ประมาณ 10% ต่อปี โดยทีมงานด้านการตลาดจะขยายการขายไปยังตลาดต่างจังหวัดที่มีอัตราการใช้ผ้าอ้อมอยู่ในระดับต่ำ และเพิ่มการขายสินค้าโดยตรงไปยังโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน และร้านขายยามากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดผ้าอ้อมในไทยและช่วยรักษาปริมาณยอดขายให้อยู่ในระดับสูงได้ในระยะยาว รวมทั้งบริษัทยังมีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดทุก 1-2 ปี ” นายว่องกล่าว
นายว่อง กล่าวเพิ่มเติมว่า DSGT มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีการพัฒนาเทคนิคการผลิต การบริหารงาน ตลอดจนทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มคุณภาพสินค้าและประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งผ้าอ้อมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้ทุกระดับ นอกจากนี้ DSGT ได้จัดตั้งแผนก Customer Relationship Management (CRM) เพื่อดูแลโครงการเบบี้เลิฟ ซึ่งเป็นโครงการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและลูกค้า และโครงการ Certainty Senior Club เพื่อให้ความรู้และข้อมูลต่างๆ ที่เหมาะสำหรับการดูแลผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ โดยทั้ง 2 โครงการถือเป็นช่องทางในการทำกิจกรรมทางการตลาดและรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้วางแผนที่จะเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศต่างๆ ในเอเซีย นอกเหนือจากตลาดส่งออกในขณะนี้ ซึ่งได้แก่ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น จีน อินเดีย บังคลาเทศ และปากีสถาน
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ารายได้ในปี 2549 จะมากกว่าปี 2548 ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2.27 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 105.98 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ DSGT มีรายได้รวม 625.74 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 34.35 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัท DSGT เป็นผู้นำตลาดในด้านผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ทั้งในประเทศไทย และ อินโดนีเซีย สำหรับตลาดผ้าอ้อมสำหรับเด็กเป็นผู้ครองตลาดลำดับที่สองในประเทศไทย และ ลำดับ 3 ในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย
บริษัท DSGT ได้เสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 75.193 ล้านหุ้น ในราคา 3.20 บาทต่อหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 25.06% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย ทั้งนี้ หุ้นไอพีโอของ DSGT จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 9 สิงหาคม โดยอยู่ในกลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งได้กู้มาเพื่อซื้อเครื่องจักรและขยายโรงงานการผลิตและเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทลดลง โดยหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ จะลดลงเหลือ 0.57 เท่า จากปีก่อน 2.03 เท่า
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากหลายค่ายมองว่า หุ้น DSGT มีพื้นฐานดี โดยอัตรากำไรสุทธิมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นค่อนข้างมากในช่วงปี 2549-2550 อันเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยปริมาณการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ในประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีอัตราเติบโตสูงถึง 4 เท่า และ 7 เท่า จากระดับปัจจุบัน ซึ่งเป็นการอ้างอิงจากฐานประชากรศาสตร์และอัตราการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปในปัจจุบัน
จากการคาดการณ์ของบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง กำไรสุทธิของ DSGT จะปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 30% เป็น 140 ล้านบาทในปี 2549 และเป็น 182 ล้านบาทในปี 2550 สำหรับปี 2548 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2.27 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 105.98 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น DSGT ที่เหมาะสมในช่วง 1 ปี อยู่ในช่วงระหว่าง 4.17-4.50 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ บริษัท DSGT มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลได้ระหว่าง 0.35-0.40 บาท/หุ้น ในช่วง 2 ปีข้างหน้า คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 9% ต่อปี
“หุ้น DSGT เหมาะแก่การลงทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว เพราะผ้าอ้อมถือเป็นสินค้าจำเป็น ดังนั้นน่าจะได้รับผลจากพิษเศรษฐกิจในสัดส่วนที่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมอื่น นอกจากนี้การอุปโภคผ้าอ้อมในประเทศกำลังพัฒนายังต่ำเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วซึ่งอยู่ที่ 5-6 ชิ้น/คน/วัน ดังนั้นศักยภาพการเติบโตของบริษัทยังมีอีกมาก” นักวิเคราะห์จากบล. ฟินันซ่ากล่าว
บริษัท DSGT มีการผลิตสินค้าและทำการตลาดครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็กในกลุ่ม พรีเมี่ยม ได้แก่ แบรนด์ “Fitti Soft Comfort” กลุ่มระดับกลาง ได้แก่ แบรนด์ “BabyLove” และกลุ่มราคาประหยัด “Fitti Basic” ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ในกลุ่มพรีเมี่ยม ได้แก่ แบรนด์ “Dispo123” กลุ่มระดับกลาง ได้แก่ แบรนด์ “Certainty Guard” และกลุ่มราคาประหยัดได้แก่ แบรนด์ “Certainty”
บริษัท DSGT มีโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่เขตประกอบการอุตสาหกรรม เอส ไอ แอล จังหวัดสระบุรี ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ดำเนินการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และยังเป็นฐานการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออก นอกจากนี้ DSGT มีบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่ดำเนินการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก เมื่อรวมกำลังการผลิตของบริษัททั้งกลุ่มแล้ว DSGT มีกำลังการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กประมาณ 607.8 ล้านชิ้นต่อปี และกำลังการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ประมาณ 90.4 ล้านชิ้นต่อปี
บริษัท DSGT เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง และมีบริษัทในเครืออยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และสิงคโปร์
ภายหลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อันประกอบด้วย บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (DSGIF) จะถือหุ้นเหลือร้อยละ 65.74 จากเดิมร้อยละ 82.17 นายประพันธ์ อนุวงศ์นุเคราะห์และภรรยา ถือหุ้นร้อยละ 9.20 จากเดิมร้อยละ 11.50 และส่วนสุดท้ายประชาชนทั่วไปคิดเป็น ร้อยละ 25.06 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ และมี บล.ฟินันซ่า บล.เคจีไอ บล.ฟิลลิป และ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย


