“อุ๊น อุ่น” โปรแกรมใหม่จากเอไอเอสสวัสดี ห้ลูกค้าโทรหากันอย่างอบอุ่น

เอไอเอสสวัสดีดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ออกโปรแกรมใหม่ “อุ๊น อุ่น” ให้ลูกค้าโทรหาคนที่รักในเครือข่ายเดียวกันได้ในราคาพิเศษ นาทีละ 2 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง และเติมเงินเท่าไรก็ใช้งานได้ 1 ปี

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอสมีนโยบายทางการตลาดที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าเป็นหลัก ที่ผ่านมาเราจึงมีการออกโปรแกรมทางการตลาดที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานและความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Segment ซึ่งแตกต่างกันออกไป สำหรับวันนี้เพื่อเป็นการดูแลลูกค้าสวัสดีเพิ่มมากขึ้น เราจึงออกโปรแกรมใหม่ในชื่อ “อุ๊น อุ่น” ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เน้นให้ลูกค้าเข้าใจง่าย และได้รับประโยชน์จากการโทรหากันในครอบครัวเอไอเอส ซึ่งจัดเป็นครอบครัวใหญ่เพราะมีสมาชิกอยู่ถึงกว่า 17 ล้านเลขหมาย ทั้งนี้เพื่อเป็นการโปรโมทการโทรภายในเครือข่าย ซึ่งปัจจุบันเอไอเอสมีการปรับปรุงคุณภาพเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลูกค้าสามารถใช้งานได้ตามปกติ

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอไอเอส กล่าวเพิ่มเติมว่า “ลูกค้าเอไอเอสสวัสดีที่เลือกโปรแกรม “อุ๊น อุ่น” สามารถโทรหาคนที่รักและห่วงใยที่อยู่ในเครือข่ายเอไอเอส ด้วยอัตราค่าโทรในเครือข่ายนาทีละ 2 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเติมเงินเท่าไรก็ใช้งานได้นานถึง 1 ปี และโทรนอกเครือข่ายนาทีละ 4 บาท โดยลูกค้าเอไอเอสวัสดีและวัน-ทู-คอล! ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมในระบบสามารถเลือกโปรแกรม “สวัสดี อุ๊น อุ่น” ได้ด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงกด *777? ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2549 และสามารถรับอัตราค่าโทรและการเติมเงินแบบอุ๊น อุ่นได้ถึง 30 มิถุนายน 2550

โดยเอไอเอสสวัสดีมีสื่อในการโปรโมทโปรแกรม “อุ๊น อุ่น” อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์โฆษณา , สปอตวิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยเน้นการสะท้อนภาพลักษณ์ของสวัสดี ที่มีความเป็นไทย และเข้าใจง่าย

“อุ๊น อุ่น” นอกจากจะเป็นโปรแกรมใหม่ที่เชื่อมความรักให้ลูกค้าสามารถโทรหาคนที่รักได้ทุกที่ทุกเวลาภายใต้เครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดแล้ว ยังเป็นโปรแกรมที่ส่งเสริมความเป็นครอบครัวให้ลูกค้าโทรหาหมายเลขที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันได้ในราคาค่าโทรที่พิเศษอีกด้วย” นายฐิติพงศ์ กล่าวสรุป