ดอลลาร์รับส้มหล่น … หลังดอกเบี้ยยูโรขยับ ทองคำพ่ายพิษราคาน้ำมันวูบ

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินเยน เป็นผลจากนักลงทุนยังไม่แน่ใจในทิศทางของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยของยุโรปในระยะต่อไป แม้ว่าธนาคารกลางยุโรปได้ตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็น 3.25% ตามความคาดหมายของตลาดเงินแล้วก็ตาม ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น ได้รับผลกระทบจากแรงเทขาย ทั้งๆที่รายงานภาวะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นคงจะปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับกรณีเกาหลีเหนือกระตุ้นในมีการขายเงินเยนมากขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ สำหรับเงินปอนด์อังกฤษ มีค่าโน้มต่ำลง หลังจากนักลงทุนบางส่วนผิดหวังที่อังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม ทางด้านราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ร่วงลงทะลุระดับ 600 ดอลลาร์/ออนซ์ อีกครั้ง เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงผันผวนและทรุดต่ำลงกว่าบาร์เรลละ 60 ดอลลาร์

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าง่อนแง่นในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากรายงานดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตเดือนกันยายนลดต่ำลงกว่าเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน นับเป็นการตอกย้ำความวิตกกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังจากที่ธนาคารได้ทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาโดยตลอดในรอบกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ในทางตรงกันข้าม เงินยูโรกลับได้รับแรงสนับสนุนจากการคาดคะเนที่ว่าอัตราดอกเบี้ยยุโรปกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ความได้เปรียบด้านอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯเริ่มลดน้อยลง ด้วยเหตุนี้ เงินดอลลาร์จึงมีค่าอ่อนไหวชัดเจนเมื่อเทียบกับเงินยูโร ยิ่งไปกว่านั้น เงินดอลลาร์ยังมีค่าซบเซาเมื่อเทียบกับเงินเยนด้วยในตอนต้นสัปดาห์ เป็นผลจากรายงานการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหญ่ของญี่ปุ่นพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นเดือนกันยายนอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อีกทั้งรัฐมนตรีคลังคนใหม่ยังได้แสดงความคิดเห็นในเชิงบวกที่ว่าญี่ปุ่นพ้นจากภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์มีค่าฟื้นตัวเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับในเวลาถัดมา เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้นักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจไม่ทรุดโทรมตามที่เคยหวาดกลัวกันไว้ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ค่าเงินของประเทศที่ส่งออกน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์กลับอ่อนแรงลง เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ เช่น เงินดอลลาร์แคนาดา เงิน crown ของนอร์เว และเงิน rand ของแอฟริกาใต้ เป็นต้น นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังมีค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เพราะผู้นำเกาหลีเหนือประกาศที่จะทดลองนิวเคลียร์ ยั่วยุให้นักลงทุนบางส่วนเทขายเงินเยน เนื่องจากญี่ปุ่นอยู่ในทำเลที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากกรณีดังกล่าว
ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินดอลลาร์ยังคงได้รับแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโร แม้ว่าธนาคารกลางยุโรปได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.25% ปรากฏว่าผู้ว่าการแบงก์ชาติยุโรปไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าธนาคารอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกในราวปลายปีนี้ ทำให้ตลาดเงินผิดหวังและมีการขายเงินยูโรเพื่อทำกำไรออกมา ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าการธนาคารกลางเมืองฟิลาเดลเฟียของสหรัฐฯ กลับออกมาย้ำว่าสหรัฐฯยังคงเฝ้าระวังภัยเงินเฟ้อและอาจจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ขยับสูงขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์

เงินปอนด์อังกฤษ มีค่ามั่นคงในระยะแรก เพราะรายงานเศรษฐกิจอังกฤษยังคงแจ่มใส ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าธนาคารกลางน่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็น 5.0% และที่ผ่านๆมาตัวเลขด้านอสังหาริมทรัพย์ก็น่าพอใจ จึงมีส่วนช่วยให้ตลาดเงินค่อนข้างมั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยอังกฤษน่าจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ปรากฏว่าการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ได้มีมติให้รักษาอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม ณ ระดับ 4.75% ทำให้นักลงทุนบางส่วนเทขายเงินปอนด์ทิ้งด้วยความผิดหวัง

ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ อ่อนตัวลงอีกในรอบสัปดาห์นี้ หล่นลงต่ำกว่าแนวต้าน 600 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยซื้อขายอยู่ในราคาเฉลี่ยราว 583 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาทองคำยังคง ได้แก่ แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ผันผวน และทรุดต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้บทบาททองคำในฐานะหลักทรัพย์ค้ำประกันความเสี่ยงภัยเงินเฟ้อลดน้อยลง ยิ่งไปกว่านั้น วิกฤตการณ์เกาหลีเหนือก็ดูเหมือนยังไม่ได้จูงใจให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเก็บไว้เหมือนที่เคยผ่านๆมา ประกอบกับความเข้มแข็งของค่าเงินดอลลาร์ในตอนปลายสัปดาห์ นับเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่บั่นทอนราคาทองคำด้วย

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2549 เทียบกับวันที่ 5 ตุลาคม 2549 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2742 ดอลลาร์/ยูโร (1.2696 ดอลลาร์/ยูโร) 117.67 เยน (117.65 เยน) และ 1.8870 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.8793 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2549 เท่ากับ 600.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 583.0 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2549