เงินดอลลาร์ซบเซา :ยุโรปและญี่ปุ่นเล็งขยับดอกเบี้ย

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบเมื่อเทียบกับเงินยูโร ณ อัตราเฉลี่ยราว 1.27 ดอลลาร์/ยูโร และซื้อขายอยู่ที่ระดับ 116-117 เยน/ดอลลาร์ อิทธิพลที่ส่งผลต่อค่าเงินอเมริกัน ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น ได้รับแรงสนับสนุนในช่วงแรกจากการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น ก่อนที่จะมีค่าลดลงในเวลาถัดมา ขณะที่เงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ มีค่าแตะระดับ 1.90 ดอลลาร์ เป็นผลจากตลาดเงินคาดว่าอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 5.0% ในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ สำหรับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ พุ่งผ่านแนวต้าน 600 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยซื้อขายในช่วง 603-616 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ ความอ่อนแอของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยเฉพาะท่าทีของกลุ่มโอเปก

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่ากระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในตอนต้นสัปดาห์ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯบางรายการ อาทิ รายได้ส่วนบุคคลและการบริโภคในเดือนกันยายนยังคงเข้มแข็ง ฯลฯ ช่วยลดความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอยู่ในช่วงขาลง ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปยังคงให้ภาพที่ไม่สดใสเท่าใดนัก แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าในปี 2550 เศรษฐกิจสหรัฐฯ คงไม่ทรุดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ตลาดเงินมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯไม่น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์กลับมีค่าอ่อนตัวลงในเวลาถัดมา โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายไว้ที่ 0.25% ตามความคาดหมาย อีกทั้งแบงก์ชาติยังแสดงท่าทีว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อีกด้วย ขณะเดียวกันตลาดเงินก็มีการคาดคะเนว่าธนาคารกลางยุโรปอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม เนื่องจากเศรษฐกิจกลุ่มยูโรเริ่มสดใสเป็นลำดับ จึงจำเป็นที่จะต้องระวังภัยเงินเฟ้อให้รอบคอบ

ปัจจัยลบอีกประการหนึ่งที่บั่นทอนค่าเงินดอลลาร์ ก็คือ กระแสข่าวที่ว่าธนาคารกลางของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาจปรับลดสัดส่วนเงินดอลลาร์ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงเหลือราว 50-90% จากเดิมอยู่ที่ 98% ในตอนกลางสัปดาห์ ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันยิ่งขึ้น เมื่อดัชนีวัดอุตสาหกรรมการผลิตสหรัฐฯ เดือนตุลาคมอยู่ที่ 51.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2546 นอกจากนี้ การประชุมของธนาคารกลางยุโรปที่ออกมาย้ำว่าธนาคารอาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและให้ความสำคัญกับประเด็นเงินเฟ้ออย่างจริงจัง มีส่วนกระตุ้นให้มีการเทขายเงินดอลลาร์และเข้าซื้อเงินยูโรแทน ถึงแม้ว่าที่ประชุมของธนาคารกลางยุโรปยังคงทรงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.25% เท่าเดิมก็ตาม

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินเยนญี่ปุ่น มีค่าขยับสูงขึ้นชั่วขณะ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นแสดงความคิดเห็นว่าเงินเยนไม่จำเป็นต้องมีค่าลดต่ำลง เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวแล้ว แต่ปรากฏว่าค่าเงินเยนกลับทรุดลงในเวลาต่อมา เพราะเจ้าหน้าที่บางกลุ่มออกมาย้ำว่านโยบายการเงินควรให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอาจฉุดให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสะดุดลง

เงินปอนด์อังกฤษ มีค่าเข้มแข็งขึ้นอย่างมาก เนื่องจากราคาบ้านในอังกฤษเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 4.9% ซึ่งนับเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 2 ปี ยิ่งไปกว่านั้น ดัชนีราคาผลผลิตในเดือนเดียวกันก็ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน ล้วนเป็นชนวนให้ตลาดเงินคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษน่าจะพิจารณาเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินอังกฤษช่วงวันที่ 8-9 พฤศจิกายน นี้

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2549 เทียบกับวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2731 ดอลลาร์/ยูโร (1.2774 ดอลลาร์/ยูโร) 117.47 เยน (117.11 เยน) และ 1.9024 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.9076 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2549 เท่ากับ 608.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 616.25 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549