ธารารมณ์ปักธงบ้านเดี่ยว หวังโต 20%

ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ตอกย้ำความเป็นมืออาชีพในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 37 ปี วางกลยุทธ์เชิงรุกต่อเนื่องตลอดทั้งปี มุ่งทำตลาดบ้านเดี่ยวบนทำเลศักยภาพตามแนวถนัด เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง คาดหวังเติบโต 20%

นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อสื่อมวลชนถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ว่า จากการที่ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค อันได้แก่ อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และ สถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ในภาวะที่ทรงตัวแล้วนั้น ได้ทำให้กำลังซื้อกลับเข้ามาในตลาดตั้งแต่ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และสะท้อนภาพในด้านของพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งสิ่งที่สังเกตเห็นคือ ในขั้นตอนของการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคแต่ละราย จะมีการเก็บข้อมูลมากขึ้น พิจารณาในรายละเอียดของแต่ละโครงการมากขึ้น และมีขั้นตอนการตัดสินใจที่รอบคอบมากขึ้น เพื่อให้ได้ที่อยู่อาศัยที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด ดังนั้น เราเชื่อว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 จะดีขึ้น กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ถึงแม้ว่าจะไม่ดีเท่าไตรมาส 4 แต่จะไม่เลวร้ายเท่ากับไตรมาส 3 ของปี 2549 และคาดว่าการเติบโต (Growth) ของตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์

“สำหรับธารารมณ์ เรามองว่าความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการบ้านเดี่ยวเพื่อการอยู่อาศัยจริงยังคงมีอยู่มาก และไม่ได้หายไปไหน เมื่อพิจารณาจากยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัย 9 เดือนแรกของปี 2549 จะอยู่ที่ 60,734 ยูนิต เปรียบเทียบกับปี 2548 มียอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัย 72,702 ยูนิต เราคาดการณ์ว่าปีหน้าจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-5 ล้านบาท จะยังคงตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ผู้บริโภคที่กำลังผันตัวเองในการเริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวก็มีอยู่มาก ดังนั้น ความต้องการบ้านอยู่อาศัยที่มีพื้นที่สำหรับปรับเป็นสำนักงาน หรือโฮมออฟฟิศในเมือง น่าจะยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง”

นายวสันต์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของโครงข่ายการคมนาคมที่มีต่อที่อยู่อาศัยว่า “ดังที่ได้เคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกท่านไปแล้วว่า ในพื้นที่สุวรรณภูมินั้น จะไม่ค่อยเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยนัก เนื่องจากเหตุผล 3 ข้อคือ เรื่องความไม่แน่นอนของกฎระเบียบการใช้พื้นที่รอบสุวรรณภูมิ ที่จะกำหนดให้เป็นเขตการปกครองพิเศษ เรื่องพื้นที่ดินมีน้ำมาก ซึ่งจะทำให้การลงทุนสูงมากกว่าปกติ และเรื่องการรบกวนจากมลภาวะทางเสียง ดังนั้น บริเวณรอบๆ สุวรรณภูมิที่มีระยะห่างเกิน 10 กิโลเมตร เช่น ถนนสุขาภิบาล 3 วงแหวน รามอินทรา น่าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากไม่มีผลกระทบจากทั้ง 3 ข้อ แม้แต่ทำเลที่เคยอยู่นอกรัศมี เช่น ถนนพระราม 2 ก็ได้รับอานิสงส์จากเส้นทางการคมนาคมใหม่ที่สะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพานพระรามสี่ รวมทั้งวงแหวนใต้ ที่กำลังจะแล้วเสร็จนั้น จะทำให้การเดินทางจากถนนพระรามสอง สู่สุวรรณภูมิได้สะดวก รวดเร็วขึ้น ร่นระยะเวลาเดินทางได้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อถึงกัน ถนนพระราม 2จึงถือเป็นบริเวณที่มีศักยภาพสูงและเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย ในด้านของโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ 5 สายนั้น ยังคงต้องรอความชัดเจนมากกว่านี้ แต่ก็เป็นบริเวณที่น่าสนใจที่จะพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ เนื่องจากปลายสายรถไฟฟ้าจะอยู่บริเวณนอกเมือง ผู้อยู่อาศัยสามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก จึงอาจไม่มีความจำเป็นมากนักที่จะต้องอยู่ในคอนโดกลางเมืองเพียงอย่างเดียว”

พร้อมกันนี้ นายวสันต์ ได้แถลงผลประกอบการปี 2549 และแผนการดำเนินงานปี 2550 ของบริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4 ดีกว่าไตรมาส 1-3 ปี 2549 สำหรับรายได้ของบริษัทนั้น เท่ากันกับปีที่แล้วคือ 1,200 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์ ในด้านของสภาพคล่องยังคงดีเช่นเดิม คือ ยอดหนี้ต่อทุนอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5

ในปี 2550 ธารารมณ์ตั้งเป้าหมายการขายเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดขายทั้งหมดจะเกิดจากโครงการที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน 4 โครงการ ได้แก่

1. โครงการพาร์คเวย์ ชาเล่ต์ รามคำแหง
2. โครงการการ์เด้น สวีท ดิ อินดี้ โฮม รามคำแหง
3. โครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล
4. โครงการพรอเมนาด โฮม พระราม 2 ซอย 47

“แนวทางการดำเนินงานปี 2550 นั้น กลยุทธ์องค์กร (Corporate Strategy) คือ ความต่อเนื่อง (Continuity) ทั้งในการสร้างสินค้าคุณภาพที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มตามปิรามิดโมเดล การสร้างองค์ประกอบของคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ (Value Proposition) ให้แก่ลูกค้า โดยการศึกษาวิจัยจากทีมวิจัยและพัฒนา และการทำ CSR (Corporate Social Responsibility) กับลูกค้า ผู้รับเหมา คู่ค้า ภาครัฐ สื่อมวลชน และสังคม”

สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด นายณัฐพล มัททวกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เปิดเผยถึงการกำหนดกลยุทธ์ โดยแบ่งเป็น

1. Go Green การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการทำโครงการของธารารมณ์ทุกโครงการ

2. Blue Ocean Strategy เป็นกลยุทธ์การวางแผนพัฒนาสินค้าใหม่ได้แก่
• โครงการบริเวณหัวหมาก
• โครงการบนถนนพระราม 2
• โครงการบนถนนสุขาภิบาล 3

3. Digital-based Strategy เนื่องจากการติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เราพบว่า แนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ขยับไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นดิจิตอลเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจึงเพิ่มช่องทางการสื่อสารผ่านทางสื่อดิจิตอล จากเดิมที่ใช้เพียงสื่อโฆษณาทางสิ่งพิมพ์ หรือโทรทัศน์ ซึ่งถือเป็นช่องทางการโฆษณาหลัก

4. Sport Centric ส่งเสริมทางด้านกีฬา โดยผลักดัน Sports & Spa ให้เป็นที่รู้จัก

5. Education-based ให้การส่งเสริมทางด้านความรู้ในเรื่องของที่อยู่อาศัย ซึ่งเราคาดหวังว่าจะสามารถเป็นทั้งศูนย์ข้อมูลสำหรับลูกค้าและสื่อมวลชน ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

6. Networking สร้างเครือข่ายพันธมิตร เพื่อผสานความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ

7. Branding การดูแล Brand อย่างต่อเนื่องให้มีภาพลักษณ์ที่สดใหม่อยู่เสมอ

นายวสันต์ กล่าวสรุปว่า Key Success Factors ที่ทำให้ธารารมณ์ได้รับการยอมรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องมาตลอดถึง 37 ปี และยังคงเป็นสิ่งที่ธารารมณ์จะดำเนินต่อไปอย่างมั่นคง คือ
Know your consumers การเข้าใจถึงลูกค้าอย่างแท้จริง
Creativity ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขัน
Networking ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันได้ในตลาด
Expertise การยืนหยัดในการดำเนินธุรกิจที่ถนัดและเชี่ยวชาญ

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บมจ.ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์
โทร.0-2319-7557, 0-2319-0083
โทรสาร 0-2319-0858
E-mail: info@tararom.com