ไตรมาส 4 รับสร้างบ้านแข่งดุ ผู้ประกอบการเดินหน้าลุยกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี

ตลาดรับสร้างบ้านโดยรวมไตรมาส 4 เริ่มกลับสู่ภาวะชะลอเหมือนเช่นในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งๆที่ในช่วงไตรมาส 3 ดูเหมือนตลาดจะเริ่มฟื้นและกลับมาคึกคักอีกครั้ง ปัจจัยและคำปฏิเสธของผู้บริโภคกว่า 80 % ระบุ ที่ต้องชะลอการตัดสินใจออกไปเพราะไม่มั่นใจเศรษฐกิจในปีหน้า อันเนื่องมาจากสถานการณ์ด้านการเมืองที่ไม่แน่นอน ดังนั้นจึงไม่เสี่ยงลงทุนเรื่องสร้างบ้านในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้การแข่งขันกลับมาร้อนระอุอีกรอบ โดยเฉพาะการตัดราคาแย่งชิงยอดขายได้ปรากฏขึ้นในกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านทุกระดับ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 – 3 ปีที่ผ่านมา

จากกำลังซื้อที่ชะลอตัวส่งผลให้มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านตลอดทั้งปี 2549 มีแนวโน้มมูลค่าต่ำกว่า 8,500 ล้าบาท ดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ หรือลดลงประมาณ 5 – 10 % คิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 8,000 ล้านบาทเศษ แต่ในขณะเดียวกันกลับมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดรับสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ณ ปัจจุบันสามารถนับได้ทั้งระบบ และมีการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องรวมแล้วกว่า 200 ราย ในขณะที่ปี 2548 มีผู้ประกอบการในรูปแบบบริษัทรับสร้างบ้านแค่เพียง 140 รายเศษเท่านั้น

จากการสำรวจข้อมูลยอดขายของผู้ประกอบการในตลาดรับสร้างบ้านรายเดิม โดยส่วนใหญ่พบว่ามียอดขายลดลงจากปี 2548 ที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญเกิดจากมูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านในปี 2549 เติบโตเพียงเล็กน้อย แต่มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆเข้ามาแข่งขันและแชร์ส่วนแบ่งตลาดไปได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นแนวโน้มปี 2550 หากมูลค่าตลาดยังชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2549 โดยยังมีผู้ประกอบการแห่เข้ามาในตลาดรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้นอีก เชื่อว่าการแข่งขันใน 2550 จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการรายเดิมต้องเร่งปรับตัวโดยเร็ว เพื่อเตรียมรับกับการแข่งขันและไม่ถูกลบชื่อจากทำเนียบรับสร้างบ้านในปีหน้า

ปี 2549 แม้ว่าตลาดรับสร้างบ้านจะมีมูลค่าการเติบโตไม่เป็นไปดังที่คาดการณ์ไว้ แต่ในภาพรวมบ้านสร้างเองกลับมีสถิติตัวเลขเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าปริมาณบ้านสร้างเองตลอดปี 2549 ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ประมาณ 15% หรือมีจำนวนประมาณ 28,000 – 29,000 หน่วยเศษ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เนื่องมาจากผู้บริโภคและประชาชนหันมานิยมเลือกสร้างบ้านเองมากขึ้น เพราะมีปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้สามารถสร้างบ้านเองได้ง่ายขึ้น เช่น มีแบบบ้านแจกฟรี มีสถาบันการเงินสนับสนุนสินเชื่อ ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งความต้องการสร้างบ้านตามรสนิยมที่แตกต่าง อย่างไรก็ดีผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงเลือกว่าจ้างปลูกสร้างกับผู้รับเหมารายย่อย หรือจัดหาวัสดุแล้วว่าจ้างเหมาเฉพาะค่าแรงงาน มากกว่าการจะเลือกว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน เหตุเพราะเข้าใจว่าสามารถปลูกสร้างได้ในราคาที่ต่ำกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็ขาดความเข้าใจว่าคุณภาพบ้านและความคุ้มค่าในระยะยาว ของการลงทุนสร้างบ้านว่าจะต้องคำนึงถึงสิ่งใดเป็นสำคัญบ้าง อาทิ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพ บริการก่อนและหลังการขาย แบบบ้านและพื้นที่ใช้สอย ที่มาของต้นทุนและราคาค่าก่อสร้างที่แท้จริง เป็นต้น นอกจากนี้เหตุผลสำคัญอีกประการ ที่ทำให้ผู้บริโภคนิยมใช้บริษัทรับสร้างบ้านน้อยลงในช่วง 1-2 ปีมานี้คือ การปรับฐานราคาบ้านของกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงและคุณภาพของการสร้างบ้านได้มาตรฐาน

ปี 2550 เร่งสร้างมาตรฐานตลาดรับสร้างบ้าน
สำหรับในปี 2550 แนวโน้มภาพรวมของมูลค่าตลาดรับสร้างบ้าน ประเมินว่าจะทรงตัวหรือชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2549 แม้จะคาดการณ์ว่ามีปัจจัยบวกหลายด้านมาช่วยหนุน แต่ภาวะทางการเมืองที่ยังขาดความชัดเจนและส่งผลถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตของผู้บริโภค เชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะยังชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ที่แน่นอนก่อน หากรัฐบาลชั่วคราวไม่เร่งสร้างความเชื่อมั่น ด้วยการคืนอำนาจการปกครองและผลักดันให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ธุรกิจรับสร้างบ้านและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คงหนีไม่พ้นผลกระทบที่ตามมาอย่างแน่นอน

มูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2550 แต่เดิมสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านตั้งเป้าไว้ ที่จะผลักดันและกระตุ้นให้มูลค่าตลาดรวมเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2550 แต่จากปัจจัยลบดังที่กล่าวมาข้างต้น สมาคมฯ คาดว่าคงจะไม่สามารถผลักดันและกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงท้ายปี 2549 นี้ คณะกรรมการสมาคมฯก็ได้ประชุมกำหนดนโยบาย และแนวทางที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ ให้เร่งพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถ ทั้งในแง่การยอมรับของผู้บริโภค การเร่งสร้างมาตรฐานคุณภาพสินค้า การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และการร่วมกันพัฒนาตลาดรวมรับสร้างบ้านให้เติบโตเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะการสร้างการยอมรับสู่ผู้บริโภค จำเป็นอย่างยิ่งที่สมาคมฯจะต้องมีการสร้างความชัดเจน และชี้ให้ผู้บริโภคเห็นว่านิยามของ “บริษัทรับสร้างบ้าน” ที่ได้มาตรฐานและเป็นมืออาชีพนั้นเป็นอย่างไร ปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่เดิมที่ผู้บริโภคไม่สามารถแยกแยะระหว่างบริษัทรับสร้างบ้านกับผู้รับเหมาว่าแตกต่างกันอย่างไร ปัจจุบันปัญหานี้ได้หมดไปแต่กลับพบปัญหาใหม่คือ บริษัทรับสร้างบ้านที่เกิดขึ้นจำนวนมาก แท้ที่จริงแล้วขาดคุณสมบัติของความผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ตามที่สมาคมฯกำหนดเอาไว้เป็นมาตรฐาน โดยผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าคือ บริษัทรับสร้างบ้าน เหมือนๆกัน ดังนั้นในปีหน้าสมาคมฯจะเร่งทำความเข้าใจกับผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของผู้บริโภค และนำมาซึ่งความเสียหายต่อภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้าน

คาดปี 2550 ตลาดบ้าน 2-3 ล้านบาทยังแข่งดุ

ผลการสำรวจและวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า 89 % ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้ามาเป็นอันดับแรก และ 87 % ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ มาเป็นอันดับที่ 2 ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องพึงระมัดระวังและเน้นความสำคัญคือ การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างเข้าใจ หากมุ่งแข่งขันเรื่องราคาหรือเน้นรับงานปริมาณมากๆเป็นสำคัญ สุดท้ายอาจพบกับปัญหาผู้บริโภคไม่ยอมรับหรือไม่พอใจสินค้าและบริการ และอาจส่งผลเสียในระยะยาวทั้งต่อองค์กรและภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้าน แต่หากว่าสามารถปรับลดราคาลงมาได้ด้วยวิธีบริหารต้นทุนให้ต่ำลง โดยไม่กระทบกับคุณภาพของสินค้าและบริการ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค

นายสิทธิพร สุวรรณสุต เลขาธิการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังที่ผู้ประกอบการแต่ละรายคาดหวังไว้ ส่งผลให้ในช่วงท้ายปี 2549 เริ่มเห็นการแข่งขันตัดราคากันมากขึ้น และมีแนวโน้มจะต่อเนื่องไปจนถึงปี 2550 หากภาวะกำลังซื้อยังการชะลอตัวต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้โดยรวมแล้วราคาที่ลดต่ำลงมากๆ อาจส่งผลไปถึงคุณภาพสินค้าและบริการที่ตามมา โดยเฉพาะกลุ่มราคาบ้าน 1 – 5 ล้านบาท ซึ่งนับว่าไม่เป็นเรื่องที่ดีนัก หากรูปแบบการแข่งขันเน้นราคาต่ำและลดคุณภาพลง เพราะจะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านดังที่สมาคมฯวางไว้

สำหรับระดับราคาบ้านตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป การแข่งขันคาดว่าจะเน้นเรื่องคุณภาพสินค้าและดีไซน์รูปแบบบ้านเป็นสำคัญ เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญและหนีการซื้อบ้านจัดสรรมาเลือกสร้างบ้านเอง ก็เพื่อที่ต้องการได้บ้านที่มีคุณภาพและดีไซน์ที่แตกต่าง โดยสรุปตลาดรับสร้างบ้านปีหน้าจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ โดยเฉพาะบ้านระดับราคาประมาณ 2 – 3 ล้านบาทจะแข่งขันกันรุนแรงที่สุด อย่างไรก็ดีผู้บริโภคควรมีการศึกษาสินค้าและบริการต่างๆโดยละเอียด ก่อนการตัดสินใจว่าจะเลือกผู้ประกอบการรายใด เพราะส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าสินค้าและบริการเหมือนๆกัน แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งผู้ประกอบการบางรายไม่แสดงรายละเอียดอย่างเปิดเผย ทำให้ไม่ได้สินค้าตามต้องการและต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกจำนวนมากภายหลัง

ที่มา : สมาคมธุรกิจรับสร้าง บ้าน

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณชัชวาล ตรีเนตร / คุณศรัญญรัตน์ สุวรรณคาม / คุณปิยะพร จำเนียร
บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทร.0-2937-4658-9,0-2937-4735
Email : [email protected] , [email protected]