9 ปีแห่งความสำเร็จกับนิตยสารชีวจิต ผู้นำตลาดนิตยสารสุขภาพด้วยวิธีแพทย์แบบองค์รวม ตอกย้ำความห่วงใยด้วยโพลสุขภาพ “ชีวจิตโพล” ที่ทำการสำรวจผู้ปฎิบัติตามแนวทางชีวจิต 400 คนทั่วประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่ผ่านมา อายุ 16-69 ปี ซึ่งเป็นผู้มีสุขภาพดี 40% และเป็นผู้ป่วยอีก 60% โดยกลุ่มนี้ 48.4% มีอาการป่วยแบบเป็นๆ หายๆ 41.9% เป็นโรคเรื้อรัง และ 9.7% ป่วยด้วยโรคผู้สูงอายุ ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างตอบเป็นเสียงเดียวกันถึง 99.8% ว่า “ชีวจิตช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตตนเองได้” โดย 70.9% ยืนยันว่าสุขภาพตนเองดีขึ้นหลังปฎิบัติตามแนวทางชีวจิต โดยค่าเฉลี่ยสุขภาพก่อนปฎิบัติแนวชีวจิตอยู่ที่ 2.90 คะแนน เต็ม 5 คะแนน และหลังปฎิบัติอยู่ที่ 3.82 คะแนน ทั้งๆ ที่มีความรู้เกี่ยวกับ “ชีวจิต” น้อยมาก
รู้จัก…แต่ไม่รู้จริง….
70.9% ยืนยันว่าสุขภาพตนเองดีขึ้นหลังปฎิบัติตามแนวทางชีวจิต ขณะที่มี 23.8% ตอบว่าสุขภาพเหมือนเดิม และ 5.3% สุขภาพแย่ลง โดย 81.0% รู้จัก “ชีวจิต” ว่าคือการการดูแลตัวเองด้วยวิธีการธรรมชาติ 66.8% เป็นการรักษาด้วยอาหาร 66.0% รักษาด้วยวิธีผสมผสาน และ 49.0% เป็นการดูแลตัวเองก่อนและหลังป่วย แต่กลับไม่รู้จริงว่า “ชีวจิต” ป้องกัน บำบัด และรักษาโรคใดได้บ้าง เห็นได้ชัดจากความรู้เกี่ยวกับโรคที่ชีวจิตสามารถบำบัดได้ ซึ่งส่วนใหญ่มีความรู้น้อยมาก ด้วยระดับคะแนนเฉลี่ย 1.53 เต็ม 5 คะแนนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ปฎิบัติบางรายรู้สึกว่าสุขภาพของตนเองไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลงหลังจากปฎิบัติตามแนวทางชีวจิตนั่นเอง
ชีวจิต….ทางเลือกใหม่ที่น่าลอง
จุดเริ่มของการปฎิบัติแนวทางชีวจิต เกิดจากความต้องการท้าพิสูจน์ความจริง “ชีวจิตช่วยให้สุขภาพดีขึ้น…จริงหรือ“ 81.5% เกิดจากความอยากลองขณะที่ 69.0% หันมาปฎิบัติชีวจิตเพราะต้องการหลีกเลี่ยงยาแผนปัจจุบันที่มีฤทธิ์แรงและมีผลข้างเคียงเยอะ 45.0% คนรู้จักแนะนำ 41.8% ให้เหตุผลว่าค่ารักษาพยาบาลแพง 39.3% หันมาพึ่งชีวจิตเพราะต้องการรักษาอาการป่วยที่เป็นมานาน ไม่หายสักที และ 38.3% ต้องการรักษาอาการป่วยให้หายขาด โดยส่วนใหญ่แล้วรู้จักแนวทาง “ชีวจิต” ครั้งแรกจากนิตยสารถึง 77.5% อ.สาทิส อินทรกำแหง 42.3% คนรู้จักแนะนำ 28.5%
ทำไมต้อง “ชีวจิต”
36.6% เคยลองรักษาด้วยวิธีแพทย์ทางเลือกอื่น โดย 58.7% เคยเข้ารักษาโดยแพทย์แผนไทย 33.1% รักษาโดยชีวจิต 25.6% แพทย์แผนจีน ขณะที่ 79.3% ของผู้ไม่เคยทดลองมีความสนใจ แต่ยังกลัวและไม่กล้า เพราะขาดข้อมูลและรายละเอียด ท้ายที่สุดทุกคนจึงหันมาเลือกวิธีการรักษาแบบ “ชีวจิต” ซึ่ง 49.0% ยอมรับว่าช่วงแรกมีปัญหาเรื่องความสะดวกในการหาซื้ออาหาร 35.3% ไม่มีเวลาออกกำลังกาย 34.0% ไม่มีอุปกรณ์ทำน้ำ RC และเอมไซม์ 28.8% ยอมรับว่าขี้เกียจออกกำลังกาย แต่เมื่อปรับตัวและปฎิบัติตามแนวทางชีวจิต โดย 76.5% ทานอาหารชีวจิต 52.8% ดื่มน้ำ RC และเอมไซม์ 45.5% ทำดีทอกซ์ ส่งผลให้ 74.5% มีสุขภาพดีขึ้นหรือป่วยน้อยลง และ 12.6% บอกว่าตนเองหายป่วย
92.0% ของผู้ปฎิบัติตามแนวทางชีวจิตได้แนะนำและบอกต่อถึงคุณประโยชน์อันมหาศาลแห่งการดูแลสุขภาพต่อยังบุคคลที่รู้จัก โดย 56.9% บอกต่อยังเพื่อน 34.4% พี่น้อง 32.6% ญาติ และ 29.4% พ่อแม่ ซึ่งเฉลี่ยแล้วครอบครัวหนึ่งจะมีผู้ปฎิบัติตามแนวทางชีวจิตถึง 2-3 คน
***แล้วคุณหละ….ได้ลองสัมผัสและบอกต่อเคล็ดลับสุขภาพดีกับคนที่คุณรักหรือยัง