BEX รับตราสารหนี้ภาครัฐบาลและเอกชน รวม 8,000 ลบ. เข้าซื้อขาย 26 และ 28 มี.ค. นี้

ดร. สันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ (Bond Electronic Exchange หรือ BEX) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติรับพันธบัตรที่ออกโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มูลค่า 2,000 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มูลค่า 6,000 ล้านบาท รวมมูลค่า 8,000 ล้านบาท เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน BEX วันที่ 26 และ 28 มีนาคม 2550 ตามลำดับ ดังนี้

1. พันธบัตรการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มูลค่า 2,000 ล้านบาท เริ่มซื้อขาย วันที่ 26 มีนาคม 2550 ประกอบด้วย
– พันธบัตรการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 ปี 2550 มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ชื่อย่อ “ETA153A” อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.258 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 26 มีนาคม 2558

– พันธบัตรการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4 ปี 2550 มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ชื่อย่อ “ETA173A” อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.308 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 26 มีนาคม 2560

2. หุ้นกู้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2550 มูลค่า 6,000 ล้านบาท ชื่อย่อ “PTTC153A”อายุ 8 ปี อัตรา ดอกเบี้ย 4.86 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เป็นหุ้นกู้ชนิดไม่มีหลักประกัน ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่ระดับ AA+ จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 20 มี.ค. 2558 เริ่มซื้อขายวันที่ 28 มีนาคม 2550

การเข้าจดทะเบียนของตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนครั้งนี้ ทำให้มูลค่าตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐเพิ่มขึ้นเป็น 3.059 ล้านล้านบาท (ร้อยละ 89.97 ของตราสารหนี้จดทะเบียนใน BEX ) ส่งผลให้มูลค่าคงค้างรวมทั้งภาครัฐและเอกชน (Total Outstanding Value) ในตลาดตราสารหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.40 ล้านล้านบาท

ผู้สนใจลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่จดทะเบียนใน BEX สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ได้ทุกแห่ง รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศได้ทางเว็บไซต์ของตลาดตราสารหนี้ที่ www.bex.or.th หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวมที่ www.thaimutualfund.com หรือติดต่อบริษัทจัดการกองทุนทุกแห่ง