BEX รับตราสารหนี้ภาครัฐ มูลค่า 52,000 ล้านบาท เข้าซื้อขายระหว่าง 19 เม.ย. – 8 พ.ค. 2550

ดร.สันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ (Bond Electronic Exchange หรือ BEX) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติรับพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และการไฟฟ้านครหลวง รวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท เข้าจดทะเบียนและซื้อขายใน BEX ระหว่างวันที่ 19 เม.ย. – 8 พ.ค. 2550 ดังนี้

1. พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท ได้แก่
– พันธบัตรธปท. งวดที่ S37/12/50 ชื่อย่อ “CB07430A” อายุ 12 วัน มูลค่า 20,000 ล้านบาท ครบกำหนด
ไถ่ถอนวันที่ 30 เมษายน 2550 เริ่มซื้อขาย วันที่ 19 เมษายน 2550

– พันธบัตรธปท. งวดที่ S38/14/50 ชื่อย่อ “CB07503B” อายุ 14 วัน มูลค่า 30,000 ล้านบาท ครบกำหนด
ไถ่ถอนวันที่ 3 พฤษภาคม 2550 เริ่มซื้อขาย วันที่ 19 เมษายน 2550

2. พันธบัตรการไฟฟ้านครหลวง มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ได้แก่
– พันธบัตรการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 1 ชื่อย่อ “MEA224A” อายุ 15 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอน 26 เมษายน 2565 เริ่มซื้อขายวันที่ 26 เมษายน 2550

– พันธบัตรการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 2 ชื่อย่อ “MEA225A” อายุ 15 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท
ครบกำหนดไถ่ถอน 8 พฤษภาคม 2565 เริ่มซื้อขายวันที่ 8 พฤษภาคม 2550

การเข้าจดทะเบียนของพันธบัตร ธปท. และการไฟฟ้านครหลวงครั้งนี้ ทำให้มูลค่าตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐที่จดทะเบียนใน BEX เพิ่มขึ้นเป็น 3.171 ล้านล้านบาท (ร้อยละ 90.03 ของตราสารหนี้จดทะเบียนใน BEX) ส่งผลให้มูลค่าคงค้างรวม (Total Outstanding Value) ใน BEX เพิ่มขึ้นเป็น 3.522 ล้านล้านบาท

ผู้สนใจลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่จดทะเบียนใน BEX สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ได้ทุกแห่ง รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศได้ทางเว็บไซต์ของตลาดตราสารหนี้ที่ www.bex.or.th หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ศึกษาเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวมที่
www.thaimutualfund.comหรือติดต่อบริษัทจัดการกองทุนทุกแห่ง