นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงการจัดการประชุมผู้ลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์นานาชาติ Thailand Focus 2007 : Platforms for Growth ในวันที่ 12 กันยายน 2550 ว่า งานนี้ได้รับความสนใจเกินความคาดหมาย โดยมีผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมาร่วมงานถึงกว่า 270 คน เกินกว่าที่ได้รับแจ้งว่าผู้เข้าร่วมงานจะมีประมาณ 200 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ลงทุนจากต่างประเทศ ประมาณ 90 คน และในประเทศประมาณ 180 คน
นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารจากองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนอีกกว่า 218 คน รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศอีก 140 คน รวมแล้วมีผู้ที่ลงทะเบียนร่วมงาน Thailand Focus 2007 ถึง 558 คน
ทั้งนี้ การกล่าวปาฐกถาในช่วงเช้าโดยนายกรัฐมนตรี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ให้ความมั่นใจต่อผู้ลงทุนว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการพัฒนาทางการเมืองในอนาคตของประเทศไทย เนื่องจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในสิ้นปีนี้ ทำให้คาดได้ว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายในเดือนมกราคม นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงการวางรากฐานในกาปฏิรูปนโยบาย เพื่อเป็นฐานที่แข็งแกร่ง 4 เสาหลักเพื่อการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว ประกอบด้วยการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจในช่วงเปลี่ยนผ่าน การสร้างรากฐานแก่การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม การเสริมสร้างความเข้มแข็งเป็นน้ำหนึ่งใจดียวกันในชาติ และการปฏิรูปทางการเมือง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมที่ยังถือได้ว่ามีเสถียรภาพ โดยคาคว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 4 – 4.5 โดยมีปัจจัยหลักด้านส่งออกเป็นตัวผลักดัน ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้ง การขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับความสนใจของผู้เข้าฟังการสัมมนาในวันแรกนี้ ปรากฏว่ามีผู้ลงทุนสนใจร่วมฟังข้อมูลตลอดทั้ง 2 หัวข้อ และเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจ โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย นับว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อไป และมีแนวโน้มที่จะมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค รวมทั้ง แสดงความมั่นใจว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจะเติบโตได้ในอัตราร้อยละ 16 ในปัจจุบัน และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 37 ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2553) โดยเชื่อว่าจะมีการลงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาในอนาคต จึงอุตสาหกรรมยานยนต์นับเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่เป็นเป้าหมายของผู้ลงทุนต่างประเทศเช่นกัน
ในขณะที่การนำเสนอข้อมูลโดยตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียนในงาน Thailand Focus เป็นครั้งแรก โดยบริษัทจดทะเบียนซึ่งเป็นตัวแทนจากตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซ่า มาเลเซีย ตลาดหลักทรัพย์จาการ์ตา ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดแข็งของภูมิภาคนี้ โดยชี้ว่าธุรกิจทั้งด้านการท่องเที่ยวและสายการบินยังมีอนาคตที่สดใส เห็นได้จากอัตราการจองห้องพักที่มีอย่างต่อเนื่อง และไม่เพียงพอกับความต้องการ รวมทั้ง เริ่มมีความต้องการบุคลากรเพื่อทำงานในสาขานี้มากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ ยังแสดงความมั่นใจที่จะลงทุนเพิ่มในธุรกิจของตนด้วย จึงนับได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีของธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนนี้ ที่สำคัญยังเป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความพยายามในการทำงานร่วมกัน เพื่อแสดงศักยภาพของภูมิภาคอาเซียน และเพิ่มความแข็งแกร่งของภูมิภาคนี้ โดยตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียนจะร่วมมือกันเพื่อสร้างความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป