สองสิงห์ ยอดติวเตอร์กวดวิชาคณิตศาสตร์ “อ.เจี๋ย” ชัยรัตน์ เจษฎารัตติกร และ ครูกวดวิชาภาษาไทยชื่อดัง “ครูลิลลี่” อ.กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์ เดินหน้าเต็มสูบผนึกกำลังสร้างโรงเรียนกวดทุกวิชาแบบครบวงจร ตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กวดวิชาศักยภาพสูง ตอกย้ำสถิติ สถาบันกวดวิชา ที่มีลูกศิษย์สอบได้ที่หนึ่งประเทศไทย สอบเข้ามหาวิทยาลัย และสอบได้ทุนเล่าเรียนหลวงเป็นจำนวนมาก วางหมากปีแรก ผุด 11 สาขาทั่วไทย “เจี๋ย-ลิลลี่” มั่นใจ เด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้มากที่สุด ด้วยคะแนนโอ-เน็ต เอ-เน็ต สูงกว่า 80 %
“อ.เจี๋ย” นายชัยรัตน์ เจษฎารัตติกร ติวเตอร์กวดวิชาชื่อดังที่คร่ำหวอดในวงการกวดวิชามากว่า 20 ปี และเจ้าของสถาบันกวดวิชาอาจารย์เจี๋ย หรือ เจไอเอ (JIA – Junior Intelligent Academic) สถาบันกวดวิชาคณิตศาสตร์ ชื่อดังที่เด็กไทยนิยมสมัครเข้ามาเพื่อเรียนกวดวิชาด้วยมากที่สุด เปิดเผยถึงที่มาของการรวมตัวในครั้งนี้ว่า “สถาบันเจไอเอ มีนโยบายที่จะสร้างศูนย์กวดวิชาศักยภาพสูง ที่สามารถให้บริการกวดได้ทุกวิชาอย่างครบวงจร โดยเรามุ่งเน้นที่การกวดวิชาหลัก 5 วิชา ที่นักเรียนต้องใช้ในการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้สถาบันเจไอเอ ได้มีการเปิดกวดวิชาคณิตศาสตร์โดย อ.เจี๋ยสอนเองทุกระดับชั้น วิชาฟิสิกส์เราได้พันธมิตรคือนีโอ ฟิสิกส์ เข้ามาดูแล ในส่วนของภาษาอังกฤษเราร่วมมือกับทางเอ็น คอนเซ็ปต์ ในส่วนของวิชาสังคมจะเป็นติวเตอร์ดัง อ.ชัย ลาภเพิ่มทวี และล่าสุดต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เราจะเปิดกวดวิชา “ภาษาไทยครูลิลลี่” ณ สถาบันกวดวิชาอาจารย์เจี๋ย หรือ เจไอเอ 11 สาขา ได้แก่ สาขาวงเวียนใหญ่ สาขาลาดพร้าว สาขาวิสุทธิกษัตริย์ สาขางามวงศ์วาน สาขาเชียงใหม่ สาขาหาดใหญ่ สาขาพิษณุโลก สาขาสุราษฎร์ธานี สาขาสุรินทร์ สาขานครสวรรค์ และ สาขาอุบลราชธานี ”
“ทางเจไอเอได้มีการทำวิจัยเพื่อสำรวจความต้องการของกลุ่มตัวอย่างเพื่อหาครูภาษาไทยที่เด็กอยากเรียนด้วยมากที่สุดก่อน ซึ่งผลออกมาเป็น “ครูลิลลี่” ประกอบกับผลงานกวดวิชาของครูลิลลี่ที่ผ่านมา ซึ่งเราพบว่าเด็กที่เคยเรียนกับ “ครูลิลลี่” มีสถิติของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นจำนวนมาก ตลอดจนมีทักษะการใช้ภาษาไทยที่ดีเยี่ยม ตรงนี้เองทำให้เราเชื่อมั่น และทาบทามครูลิลลี่ ให้เป็นหนึ่งในพันธมิตรที่จะร่วมสร้างศูนย์กวดวิชาศักยภาพสูงกับเรา” อ.เจี๋ยกล่าว
ด้าน “ครูลิลลี่” อ.กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์ เปิดเผยถึงข้อตกลงของการรวมตัวในครั้งนี้ว่า “สิ่งเดียวที่คำนึงถึงก็คือ “นักเรียนจะได้อะไร หากเราร่วมมือกัน” ซึ่งผลของข้อตกลงก็คือ ประการแรก ค่าเล่าเรียนถูกลงแน่นอน จากที่เด็กเคยต้องลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาไทยรายวิชาละ 2,500 บาท จะเหลือเพียง รายวิชาละ 1,800 บาท ประการที่สอง คือเด็กๆได้ความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น จากเดิมเคยต้องมาเรียนที่สยามสแควร์(พินนาเคิล) ซึ่งเปิดสอนอยู่เพียงที่เดียว ก็สามารถเลือกเรียนตามสาขาใกล้บ้านได้ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ไม่ต้องเสียเวลา ตลอดจนประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการใช้ชีวิต ค่ากิน ค่าอยู่ จิปาถะ โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดที่นอกจากจะประหยัดขึ้น ยังได้อยู่กับพ่อแม่ และไม่ต้องเสียโอกาสในการเรียนรู้ ประการที่สาม เรื่องของการจัดสรรรายได้ เรามีความคิดเห็นที่ตรงกันว่า รายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการเปิดสอนภาษาไทยที่สถาบันเจไอเอทั้ง 11 สาขา หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว เราจะกันรายได้ส่วนหนึ่งไว้เป็นกองทุนสำหรับทำกิจกรรมเพื่อสังคม หลังจากนั้นเหลือเท่าไรค่อยแบ่งกันคนละครึ่ง”
“ครูลิลลี่” กล่าวต่อว่า “ทุกวันนี้มีกิจกรรมเพื่อสังคมหลายอย่างที่กำลังทำอยู่อย่างต่อเนื่องและมีโครงการที่จะทำเพิ่มขึ้นในลักษณะที่เป็นประโยชน์ทางการศึกษาแบบยั่งยืน กิจกรรมที่ทำอยู่ ได้แก่ การสอนหนังสือให้กับเด็กๆ 3 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมโครงการสอนหนังสือทางไกลวังไกลกังวล เป็นครูพิเศษสอนเตรียมความพร้อมเข้ามหาวิทยาลัยให้กับโรงเรียนต่างๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทั้งรัฐบาลและเอกชน โดยไม่มีค่าใช่จ่ายใดๆ ตลอดจนเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการใช้ และการอนุรักษ์ภาษาไทย ของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทางฝ่าย อ.เจี๋ย เองก็มีโครงการเพื่อสังคมออกมาอยู่ตลอดเวลา อย่างล่าสุดเค้าก็กำลังทำโครงการชุดนักเรียนมือ 2 เพื่อน้องได้ไปโรงเรียน เพื่อจัดส่งชุดนักเรียนและของใช้จำเป็นไปยังน้องๆที่ขาดแคลนทั่วประเทศ ครูเองเลยมองว่าความคิดเราตรงกัน จุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันจึงเกิดขึ้น”
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จะลงเรียน“ภาษาไทยครูลิลลี่”ในทั้ง 11 สาขาตามที่วางไว้ อ.เจี๋ย กล่าวว่า “ในเบื้องต้นกลุ่มเป้าหมาย 30%จะมาจากนักเรียนที่เรียนอยู่แล้วที่สถาบัน เจไอเอ ที่เหลือเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ ซึ่งปัจจุบันสถาบันเจไอเอมีนักเรียนเฉลี่ยปีละ 35,000 คน และจากการที่เราจะเริ่มเปิดสอน“ภาษาไทยครูลิลลี่” ใน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป เราคาดว่าจะมีนักเรียนที่ลงเรียนภาษาไทยครูลิลลี่ ทั้งที่เป็นนักเรียนเก่าและนักเรียนใหม่ ในปีแรกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 คน. ซึ่งรูปแบบการเรียนการสอนนั้น จะเป็นการเรียนการสอนด้วยเทปบันทึกภาพการสอนสด ซึ่งสามารถให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ได้เช่นเดียวกับการเรียนกับตัวครูลิลลี่จริงๆ และนอกจากนี้ทั้ง 11 แห่งก็จะมีกิจกรรมพิเศษที่ครูลิลลี่จะเดินทางไปกวดวิชาให้กับน้องๆถึงที่ด้วยเช่นกัน”
“ด้วยศักยภาพการกวดวิชาของเรา จากสถิติที่เรามีลูกศิษย์ที่สามารถสอบติดคณะต่างๆ โดยเฉพาะคณะแพทย์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ด้วยคะแนนคณิตศาสตร์ O-NET 100 คะแนนเต็ม และ คะแนนคณิตศาสตร์ A-NET ที่มากกว่า 80 คะแนน จำนวนมากที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนมีลูกศิษย์ที่สอบได้ทุนเล่าเรียนหลวงเป็นจำนวนมาก ด้วยคะแนนคณิตศาสตร์ที่มากกว่า 90 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน และเรายังมีลูกศิษย์ ที่สอบได้ที่หนึ่งประเทศไทย โดยมีคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ อยู่ที่ 92-100 คะแนนเต็ม ประกอบกับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพทางด้านวิชาหลักอื่นๆให้กับลูกศิษย์ของเราควบคู่กันไปด้วย เรามั่นใจว่าจากโครงการที่เปิดเพิ่มขึ้น เด็กๆจะได้ความรู้ไปอย่างเต็มที่ แต่จ่ายเงินน้อยลง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน การรวมตัวที่เกิดขึ้นที่สถาบันกวดวิชาเจไอเอ เป็นการรวมเอาสุดยอดติวเตอร์จากทุกสาขาวิชามาไว้ในที่เดียวกัน ใช้การบริหารจัดการร่วมกันเป็นการประหยัดต้นทุน เมื่อต้นทุนเราไม่มากเราก็สามารถลดราคาค่าเล่าเรียนให้ต่ำลงกว่าปกติได้ เป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง อีกทางหนึ่ง ตลอดจนเรายังมีสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการใช้ชีวิต นอกจากนี้การบริหารต้นทุนที่ดียังทำให้เรามีงบประมาณเพิ่มเติมในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมได้เต็มที่อย่างที่ตั้งใจไว้” อ.เจี๋ย กล่าวสรุป
ปัจจุบัน สถาบัน เจไอเอ(JIA – Junior Intelligent Academic) มีทั้งสิ้น 18 สาขา ได้แก่ สาขาสยามสแควร์ วงเวียนใหญ่ ลาดพร้าว วิสุทธิกษัตริย์ งามวงศ์วาน ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เชียงใหม่ หาดใหญ่ นครปฐม ชลบุรี พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ นครสวรรค์ อุบลราชธานี ราชบุรี ขอนแก่น และ ร้อยเอ็ด และในเดือนมีนาคม 2551 จะเปิดเพิ่มอีก 4 สาขา ได้แก่ ระยอง ฉะเชิงเทรา นครศรีธรรมราช และนครราชสีมา เพื่อเป็นการกระจายโอกาสทางการศึกษาสู่นักเรียนในต่างจังหวัด และแบ่งเบาภาระรายจ่ายของผู้ปกครอง สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในขณะนี้.